ทองคำถือเป็นโลหะที่ล้ำค่าที่สุด อีกทั้งสายสัมพันธ์ระหว่างเพียเจต์ และ ทองคำ ก็เชื่อมโยงกันมาอย่างยาวนานทั้งในอุตสาหกรรมนาฬิกาไปจนถึงจิวเวลรี เมซงจึงยกให้ทองคำเป็นมากกว่าวัสดุ โดยเปรียบดั่งศิลปะรูปแบบหนึ่งที่เมื่อถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุด้วยหัตถศิลป์อันเชี่ยวชาญ ทั้งเนื้อสัมผัส และ ประกายงามยามเล่นกับแสง ส่งมอบความเจิดจรัสและมีชีวิตชีวาได้อย่างน่าดึงดูด
เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีของเพียเจต์ และแสดงให้เห็นถึงทักษะความชำนาญของเหล่าช่างฝีมือในการนำเสนอ "ทองคำ" ไปจนถึงศิลปะการทำโซ่ด้วยมือซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของเมซงและทักษะหายากที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนตั้งแต่ทศวรรษ 1960 อีกทั้งสะท้อนคติประจำใจของนิทรรศการ Homo Faber ปีนี้ อย่าง "The Journey of Life" ที่เน้นการถ่ายทอดเรื่องราวของมนุษย์กับช่วงเวลาอันล้ำค่าในชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพียเจต์ได้เลือกทั้งชิ้นงานร่วมสมัยและมรดกของเมซงมาจัดแสดง ตั้งแต่นาฬิกาที่มาในดีไซน์สร้อยเส้นยาวแบบ Sautoir, นาฬิกาสไตล์ Cuff Watch ไปจนถึง Limelight Gala เรือนพิเศษ ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนเชื่อมโยงรายละเอียดทางงานฝีมือในอดีต ทั้งยังสอดแทรกลงบนชิ้นงานในยุคปัจจุบันได้อย่างร่วมสมัย โดยครั้งนี้ผู้เยี่ยมชมยังได้เห็นเบื้องหลังการทำงานของเหล่าช่างแกะสลักและช่างทำโซ่ระดับปรมาจารย์ของเมซงที่มาสาธิตความชำนาญให้ชมกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับ Limelight Gala เรือนพิเศษนี้ สะดุดตาด้วยคริสโซเพรสที่นำเสนอผ่านเทคนิคมาร์เก็ตทรี ตัดสลับกับมรกตทรงบาแก็ตต์ และพื้นหน้าปัดที่โดดเด่นด้วยลวดลายจากเทคนิค Palace Décor นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยเพชรหลากขนาดที่ใช้รูปแบบในการฝังที่แตกต่างกันถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น openwork setting, grain setting และ rail-setting ตัวเรือนทำจากพิงค์โกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร จับคู่สายรัดข้อมือที่คราฟต์ลวดลายขึ้นอย่างประณีตด้วยเทคนิคเดียวกับหน้าปัด
ชิ้นงานทั้งหมดจัดแสดง ณ Fondazione Giorgio Cini ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ San Giorgio Maggiore ในเมืองเวนิส โดยงานจะมีให้ชมไปจนถึง 30 กันยายน 2024