พร้อมเอาใจเหล่าคนรักนาฬิกาและนักสะสมให้ได้เลือกสรรเรือนเวลาหรูสัญชาติสวิสที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีลํ้าสมัยเข้ากับดีไซน์ที่งดงาม รวมถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้วัสดุอย่าง “ไฮเทค เซรามิก” จากแบรนด์ “ราโด” (Rado) ที่ล่าสุด มร. แดเนียล กาเซีย รองประธานฝ่ายการขายแบรนด์ราโด พร้อมด้วยคุณธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ “ราโด” (Rado) ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวบูติกแห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านที่เน้นความสง่างามไร้กาลเวลา เพื่อนำเสนอสุดยอดเรือนเวลาจากแบรนด์ “ราโด” (Rado) กว่า 250 รุ่น ให้ได้เลือกสรรพร้อมกันแล้ววันนี้
คุณธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ “ราโด” (Rado) ประเทศไทย
มร. แดเนียล กาเซีย รองประธานฝ่ายการขายแบรนด์ราโด
“ราโด” (Rado) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1917 โดยพี่น้องตระกูล Schlup ณ เมืองเลงนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราโด (Rado) นับได้ว่าเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Master of Materials” ด้วยสุดยอดผลงานออกแบบไฮเทค เซรามิก (High-Tech Ceramics) อันล้ำสมัยไม่เหมือนใคร ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างลงตัว
คุณธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ “ราโด” (Rado) ประเทศไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งในการเปิดตัวบูติก ราโด (Rado) แห่งแรกในประเทศไทยที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์เป็นเอกลักษณ์ เรารู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก ที่นับได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวหลายคนอยากจะมาเยือน และเราเชื่อมั่นว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ “ราโด” (Rado) ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีดีไซน์ทันสมัย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ที่บุกเบิกนวัตกรรมไฮเทค เซรามิก ที่โดดเด่นเรื่องรูปลักษณ์และมีผิวสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ โดยบูติกแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ตกแต่งในสไตล์หรูหรา สวยงาม ไร้กาลเวลา เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์ในการเลือกชมนาฬิกาอย่างเหนือระดับให้กับลูกค้า นอกจากนี้เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองเปิดตัวบูติกแห่งนี้เราภูมิใจนำเสนอนาฬิการุ่นไอคอนิกอย่างอะนาตอม (Anatom) รุ่น R10204712 ซึ่งเป็นนาฬิกายอดนิยมประดับเพชรแท้ เปิดตัวครั้งแรกและวางขายที่บูติกแห่งนี้ที่เดียวในประเทศไทย”
บูติก “ราโด” (Rado) แห่งแรกในประเทศไทยตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ บริเวณชั้น 1 ด้วยขนาดพื้นที่ร้านขนาด 75 ตารางเมตร ถูกออกแบบให้ร้านมีความโปร่ง โล่งสบาย พร้อมการตกแต่งที่หรูหราสง่างามและไร้กาลเวลา โดยดีไซน์จะเน้นลายเส้นที่ดูเรียบง่ายสะอาดตากับพื้นผิวที่ดูแวววาว และยังมีการใช้สีบรอนซ์โทนอุ่นบริเวณบานประตู พร้อมกันนี้ยังมีการจัดแสงไฟอย่างละมุนสายตา ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่จะสร้างประสบการณ์ในการเลือกสรรเรือนเวลาได้อย่างผ่อนคลาย
นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับผนังแบบอินเตอร์แอคทีฟที่จะสามารถสัมผัสกับวัสดุอันเลื่องชื่ออย่าง “ไฮเทค เซรามิก” ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาแบรนด์ราโด (Rado) ได้อย่างใกล้ชิด เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสวัสดุและค้นพบความหลากหลายของสีสันที่มีให้เลือกอย่างเต็มที่ ส่วนบริเวณส่วนด้านหลังร้านบูติก มีโซนเลานจ์แสนอบอุ่นที่จะมอบบรรยากาศเป็นกันเองและน่าต้อนรับแก่ลูกค้าผู้มาเยือน
อีกหนึ่งความพิเศษเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองเปิดบูติกแห่งนี้ ที่จะมีวางขายนาฬิการุ่นไอคอนิกอย่าง “อะนาตอม” (Anatom) ไอคอนิกที่เปิดตัวในปี 1983 นาฬิการุ่นนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของดีไซน์สุดล้ำที่เขย่าวงการและใส่สบายที่สุด โดยเรือนไฮไลท์ของบูติกแห่งนี้คือนาฬิการุ่น R10204712 ที่เปิดตัวและวางขาย ณ บูติกแห่งนี้ แห่งแรกในประเทศไทย ในดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ด้วยเอกลักษณ์คือคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบโลหะทรงกระบอกที่ทำมุมเอียงทั้งสองด้าน และเชื่อมกับตัวสายนาฬิกาไฮเทคเซรามิกได้อย่างแนบเนียน ทำให้เกิดรูปทรงที่กลมกลืนและสอดผสานตัวเรือนและสายนาฬิกาเข้ากันได้อย่างแยบยล
โดยสายนาฬิกาทำจากข้อต่อไฮเทคเซรามิกสีดำขัดเงาและข้อต่อตรงกลางเป็นสแตนเลสขัดเงา พร้อมประดับเพชรฟูลคัต Top Wesselton 162 เม็ดมีบานพับล็อก 3 ทบที่ทำจากสแตนเลสแบบปัดเงาคอยยึดเอาไว้อย่างพิถีพิถัน ส่วนหน้าปัดเคลือบแลกเกอร์สีดำที่เผยให้เห็นขีดบอกเวลาซึ่งพิมพ์สีดำเนื้อแมตต์ที่จะอยู่ข้างใต้คริสตัลอันเป็นเอกลักษณ์นี้ พร้อมประดับเพชรฟูลคัต Top Wesselton 3 เม็ดและเข็มนาฬิกาสีโรเดียมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® สีขาว ที่ดูตัดกับความลุ่มลึกของหน้าปัดอย่างเจิดจรัส โดยมีรูปสมอเคลื่อนที่อันเป็นเอกลักษณ์อยู่ตรงหน้าปัดที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา
และเสริมความงดงามด้วยหน้าต่างบอกวันที่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา มาพร้อมกลไกการเดินแบบออโตเมติก R766 ที่ประดับอัญมณี 21 เม็ด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญและมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ โดยกลไกการเดินนี้ได้ผ่านการทดสอบในห้าตำแหน่งอย่างละเอียดและมาพร้อมแฮร์สปริง Nivachron™ ที่มาพร้อมคุณสมบัติด้านความแม่นยำ พร้อมสำรองพลังงานได้นานถึง 72 ชั่วโมงอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรังสรรค์นาฬิกาที่สมบูรณ์แบบของ “ราโด” (Rado)
นอกจากนี้ทางแบรนด์ “ราโด” (Rado) ยังได้คัดสรรนาฬิการุ่นยอดนิยมกว่า 250 เรือน รวมถึง 3 นาฬิการุ่นใหม่จากคอลเลกชั่น Festive 2024 ได้แก่ กัปตัน คุก (Captain Cook) รุ่น R32192152 เรือนเวลาที่มีทั้งความเท่และสุขุมนุ่มลึก ด้วยตัวเรือนและสายนาฬิกาไฮเทค เซรามิกสีดำด้าน ขอบหน้าปัดกับเม็ดมะยมสแตนเลสสีโรสโกลด์ชุบ PVD และกระจกหน้าปัดเป็นคริสตัลแซฟไฟร์ มาพร้อมหน้าปัดเปลือยสีรมควันเผยให้เห็นกลไก R808 ที่บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ขัดลาย Côtes-de-Genève นาฬิกาสไตล์สปอร์ตที่มีทั้งความงดงามและทนทานเรือนนี้ สำรองพลังงานได้สูงสุดถึง 80 ชั่วโมง
ถัดมาที่ ทรู สแควร์ โอเพน ฮาร์ท (True Square Open Heart) รุ่น R27073702 เรือนสีขาวที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนช่วงเวลาแห่งความสุขอันสว่างไสวและเจิดจ้า โดยตัวเรือนและสายนาฬิกาทำจากไฮเทค เซรามิก หล่อขึ้นรูปเป็นทรงสี่เหลี่ยมโค้งมนอย่างลงตัว ด้านในใช้กลไกการเดินคาลิเบอร์ R734 ซึ่งสามารถมองเห็นกลไกการทำงานอันมีเสน่ห์นี้ได้ผ่านดีไซน์แบบโอเพนฮาร์ทบริเวณด้านหน้า ในขณะเดียวกันบริเวณฝาหลังไทเทเนียมก็มีคริสตัลแซฟไฟร์ที่สามารถมองทะลุเข้าไปในตัวเรือนได้เช่นกัน ประกอบกับงานฝีมือด้านในที่มีความวิจิตรบรรจงทั้งการขัดลาย Côtes-de-Genève พร้อมพื้นผิวประดับมุก ทั้งหมดนี้ทำให้ ทรู สแควร์ โอเพน ฮาร์ท เหมาะจะเป็นส่วนหนึ่งแห่งมนต์เสน่ห์ของช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปี
และเซนทริกซ์ โอเพน ฮาร์ท ซูเปอร์ จูบิลี่ (Centrix Open Heart Super Jubilé) รุ่น R30029942 เรือนเวลาที่มีความระยิบระยับแวววาว ดั่งท้องฟ้าในค่ำคืนสำคัญที่เต็มไปด้วยดวงดาวและแสงสีแห่งการเฉลิมฉลอง โดดเด่นด้วยดีไซน์ด้านหน้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีสะพานทรงโค้งเชื่อมวันเวลา ประดับเพชร Top Wesselton ฟูลคัต 86 เม็ด รวมถึงตำแหน่งบอกเวลาหลักชั่วโมงที่ประดับเพชรไว้จำนวน 12 เม็ดเช่นกัน ทั้งหมดนี้รังสรรค์อยู่บนตัวเรือนสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์โทนอุ่น พร้อมหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีน้ำตาลเข็ม บริเวณครึ่งบนของหน้าปัดหรือบริเวณท้องฟ้าเหนือสะพาน สามารถมองผ่านคริสตัลแซฟไฟร์ไปยังกลไกการเดินออโตเมติก R734 ที่ทันสมัย ซึ่งมาพร้อมแฮร์สปริง Nivachron™คุณภาพสูงที่ดูแลปกป้องนาฬิกาเรือนสำคัญจากสนามแม่เหล็กรอบตัว ส่วนสายนาฬิกามาในดีไซน์ผสมผสานระหว่างไฮเทค เซรามิกสีน้ำตาลเฉดเดียวกับหน้าปัดจับคู่กับขอบและข้อต่อสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ นาฬิกาแห่งเทศกาลเฉลิมฉลองเรือนนี้สำรองพลังงานได้ยาวนาน 80 ชั่วโมง ที่จะพร้อมจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่จะได้มาเยือนที่บูติกแห่งนี้
ด้านเหล่าเซเลบริตี้ยังได้ร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกนาฬิกาและมิกซ์แอนด์แมทช์ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง พร้อมเผยการเลือกนาฬิกามอบเป็นของขวัญให้คนพิเศษในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีนี้ เริ่มที่สาวสังคม หม่อมราชวงศ์แม้นนฤมาส ยุคล สวัสดิ์-ชูโต เผยว่า “ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบสวมเสื้อผ้าแนวเรียบๆ เน้นความคลาสสิก ไทม์เลส ในโทนสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก ซึ่งเราเองก็จะเลือกเรือนเวลาหรูที่มีประวัติศาสตร์แบรนด์ยาวนาน มีชื่อเสียงในด้านการผลิตและเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับเสื้อผ้าของเราได้หลากหลายลุค อย่างวันนี้เลือกสวมเป็นนาฬิกาแบรนด์ราโด (Rado) รุ่นเซนทริกซ์ โอเพน ฮาร์ท ซูเปอร์ จูบิลี่ เป็นเรือนที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนในโทนสีน้ำตาลเข้มมีเพชรประดับเสริมความหรูหรา ช่วยเสริมลุคของเราให้ดูเรียบหรูและมีความสง่างามมากยิ่งขึ้น และในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีนี้ ของขวัญที่จะมอบให้แก่คนพิเศษที่เรามองไว้ คิดว่าจะเลือกเป็นเรือนเวลาหรูที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ แข็งแรงและทนทาน อย่างเซรามิก ไฮเทค ในรุ่นกัปตัน คุก เพราะสามีชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ทั้งไดรฟ์กอล์ฟและว่ายน้ำ ซึ่งนาฬิการุ่นนี้จะเป็นของขวัญแทนใจที่คิดว่าถ้ามอบให้สามีแล้วเขาจะได้ใช้งานได้จริงด้วย”
และหนุ่มนักธุรกิจ รักพงศ์ จันทรมังกร เล่าว่า “โดยปกติเรามักจะเลือกสวมเสื้อผ้าในสไตล์มินิมัล แต่หากวันทำงานหรือออกงานสำคัญก็จะเลือกสวมเป็นชุดสูทเน้นความสุภาพเรียบร้อยให้ดูเข้ากับงาน ซึ่งนาฬิกาที่เลือกใส่จะเน้นเลือกในโทนสีดำ เพราะสามารถแมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลายลุคทั้งวันปกติและวันทำงานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้จะเลือกจากแบรนด์นาฬิกาที่มีมาตรฐานการผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการันตีได้ถึงคุณภาพ อย่างวันนี้เลือกสวมเป็นเรือนเวลาจากแบรนด์ราโด (Rado) ในรุ่นกัปตัน คุก สีดำด้าน ซึ่งเป็นเรือนเวลาที่มีทั้งความเท่และสุขุม ส่วนของขวัญสุดพิเศษในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี หากมองหาเรือนเวลาสักเรือนให้คนที่รัก จะเลือกเรือนเวลาที่มีดีไซน์สวยหรู อย่างรุ่นทรู สแควร์ โอเพน ฮาร์ท เป็นเรือนที่มีความโดดเด่นด้วยหน้าปัดตัวเรือนสี่เหลี่ยมที่สามารถมองเห็นกลไกการทำงานของตัวเรือนได้อย่างชัดเจน และยังมีหน้าปัดที่ดูสวยหรูเพราะประดับด้วยอัญมี ซึ่งคิดว่าน่าจะถึงถูกใจคนรักเป็นอย่างมาก”
ยลโฉมเรือนเวลาหรูสัญชาติสวิสแบรนด์ “ราโด” (Rado) ที่บูติกแห่งแรกในประเทศไทย ที่บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ได้แล้ววันนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- โทร.02-610-0284
- Line Official Account: @radothailand