เมคอัพลุค “Glass Skin” เทรนด์แต่งหน้ายอดฮิตจากฝั่งเกาหลี หลายคนอยากแต่งตามแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง วันนี้เฟียร์ซมีเทคนิคเคล็ดลับในการแต่งหน้าลุคนี้มาฝาก บอกเลยว่าต้องดูแลกันตั้งแต่ผิวขึ้นมาเลยค่ะ จะพึ่งเครื่องสำอางอย่างเดียวไม่ได้ มีเทคนิคอะไรและไอเท็มตัวไหนที่เป็นฮีโร่ช่วยสาวๆ ได้บ้างไปดูกันเลยค่ะ

Image source : www.instagram.com/espoirstory

Image source : www.instagram.com/jsmbeauty_

Glass Skin คือลุคที่สาวเกาหลีกำลังอินอยู่ตอนนี้ และความฮอตได้แผ่กระจายไปถึงฝั่งอเมริกากับยุโรปแล้ว จะเห็นได้ชัดในงานถ่ายแมกกาซีน แฟชั่นรันเวย์ แม้แต่แอดเครื่องสำอางเองผิวนางแบบก็ดูฉ่ำแบบ Glass Skin สุดๆ งานผิวจะโกลวฉ่ำ เหมือนผิวกระเบื้องเคลือบเงา ที่สะท้อนแสงสวยงาม แต่จะไม่ได้ดูมันนะคะ ดูวาวเงามาจากภายใน เพราะฉะนั้นไม่ง่ายเลยที่แต่งหน้าลุคนี้ โดยไม่บำรุงผิวร่วมด้วยค่ะ ต้องทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน เพื่อความวาวที่ไม่มันเยิ้มค่ะ 

1. Exfoliate ผิวหน้าก่อน

อันดับแรกต้องดูแลผิวหน้าก่อน ผิวหน้าจะต้องผ่านการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ รวมทั้งสิ่งสกปรกต่างๆ ให้ผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ และดูเนียนเรียบกระจ่างใส ไร้สิ่งไม่พึงประสงค์มาบดบังค่ะ 

Image source : www.instagram.com/bobbibrown

Image source : www.instagram.com/urassayas

2. เติมความชุ่มชื้นให้ผิว

ทำความสะอาดผิวหน้าดีแล้ว ต่อมาก็ต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิว อย่าลืมว่าลุคนี้ผิวต้องดูฉ่ำมาจากภายใน ดังนั้นขั้นตอนนี้ห้ามขาด ต้องเติมน้ำให้ผิวฉ่ำเพียงพอ เคล็ดลับก็คือการเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว ถ้าเป็นสาวผิวแห้งสามารถเลือกเนื้อครีมที่มีความริชได้ แต่ถ้าผิวเกือบมันควรเลือกแบบเนื้อเจล เพื่อไม่ให้ผิวฉ่ำเกินไปค่ะ 

Tips* 1 ทางลัดการบำรุงผิวหน้า มาส์กหน้าก่อนเมคอัพ 30 นาที เพิ่มความฉ่ำให้ผิวได้

Tips* 2 ในส่วนของการผลัดเซลล์ผิวและมอยซ์เจอไรเซอร์ ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เน้นการปรับ/ฟื้นฟูให้ผิวมีสมดุล ฉ่ำน้ำมาจากภายใน และต้องมีระเบียบวินัยในการบำรุงเป็นประจำ ถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ถูกกับผิวล่ะก็ หน้าสดก็สวยค่ะ อันนี้ขอให้สาวๆ เอากลับไปคิดเป็นการบ้าน ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเองนะคะ

Image source : www.instagram.com/lamer

Image source : www.instagram.com/espoirstory

3. เตรียมผิวด้วยออยล์

เวลาดูวิดีโอของบล็อกเกอร์ฝรั่ง จะเห็นเลยว่าเขาหยดออยล์ลงบนหน้าก่อนลงรองพื้น ออยล์จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นฉ่ำวาว ทำให้รองพื้นประสานเป็นเนื้อเดียวกับผิวมากขึ้น รองพื้นเกลี่ยง่ายและติดทนนาน โดยไม่ทำให้ผิวแห้งเป็นคราบระหว่างวันเลยค่ะ 

Fierce's Pick

Farsali Rose Gold Elixir (ราคา 2,100 บาท, www.sephora.co.th)

ออยล์ที่ถูกหยดบนหน้าซ้ำๆ ก่อนลงรองพื้นบนวิดีโอ tutorial มากที่สุด อย่างนี้จะไม่จัดได้ยังไงล่ะคะ ออยล์ตัวนี้ไม่เหนียว ทาแล้วซึมเลย ทำให้ได้เมคอัพลุค Glass Skin แบบเป๊ะๆ 

ใครกลัวน้ำมันลองตัวนี้เลยค่ะ เป็นเอสเซนส์บำรุงพร้อมทั้งเตรียมผิวให้ดูฉ่ำโกลวก่อนการแต่งหน้า

Blithe InBetween Makeup Prep Essence (ราคา 1,350 บาท, www.sephora.co.th)

4. ใช้ไพรเมอร์

ไพรเมอร์เป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับลุคนี้ ควรเลือกแบบที่ช่วยเติมแสงให้ผิวดู luminous วาวโกลว แถมไพรเมอร์ยังช่วยให้เมคอัพติดทน ไม่ไหลเยิ้มอีกด้วยค่ะ 

Fierce's Pick

Becca Backlight Priming Filter (ราคา 750 บาท, www.sephora.co.th)

เพิ่มแสงให้ผิวดูสวย เหมือนติดไฟให้ผิวในทุกสภาพแสง

Marc Jacobs Under(cover) Perfecting Coconut Face Primer (ราคา 1,800 บาท, www.sephora.co.th)

งานโกลว งานฉ่ำ งานวาวต้องยกให้ Marc Jacobs จริงๆ ค่ะ

5. รองพื้นบางๆ

งานผิวเราปูมาเต็มที่แล้ว ก็อย่าให้รองพื้นหนาๆ มาปกปิด ควรเลือกรองพื้นแบบบางเบา เผยผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้น ไม่ควรเลือกรองพื้นแมทท์มาก ควรเลือกรองพื้นที่ช่วยเติมแสงให้ผิวค่ะ 

รองพื้นที่แนะนำถ้าอยากโชว์ผิวเยอะๆ หน้าใสๆ ควรเลือกเป็น Tinted Moisturizer แต่ถ้าอยากประหยัด ก็ใช้รองพื้นที่มีอยู่นี่แหละค่ะ ลงให้บางที่สุด ส่วนที่ต้องการปกปิดก็ลงคอนซีลเลอร์แบบเนียนๆ ไป เท่านี้ก็ไม่ต้องซื้อรองพื้นใหม่แล้วค่ะ 

ญาดา วิลลาเรจ (นางแบบ) เป็นอีกคนหนึ่งที่แต่งหน้าลุค Glass Skin บ่อยมากกก

Image source : www.instagram.com/yadavillaret

Image source : www.instagram.com/yadavillaret

Tips* ผสม Clarins Double Serum ลงในรองพื้น 1-2 หยด เพิ่มความฉ่ำให้กับรองพื้น และทำให้รองพื้นบางเบาขึ้นค่ะ

Clarins Double Serum (ราคา 3,700 บาท, www.central.co.th)

6. ไม่จำเป็นต้องลงแป้งผสมรองพื้น

ควรเซ็ตเมคอัพบางๆ ด้วยแป้งโปร่งแสง อย่าให้ความแมทท์และหนาของแป้งผสมรองพื้นมาปกปิด เท่านี้ก็ได้งานผิวแบบ Glass Skin แล้ว

Fierce's Pick

La Mer The Sheer Pressed Powder (ราคา 4,000 บาท, www.lamer.co.th) 

เนื้อแป้งบางมาก เนียนละเอียด และไม่บดบังความโกลวฉ่ำบนใบหน้าค่ะ 

แม้จะเป็นลุคออกงาน หน้าไม่สด ก็แต่งแบบ Glass Skin ได้ค่ะ

Image source : www.instagram.com/yadavillaret

Image source : www.instagram.com/ladiiprang

7. ลิควิดไฮไลท์

ไฮไลท์ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน เพื่อเติมแสงให้ผิวดูวาวเพิ่มขึ้น สำหรับคนที่มีผิวค่อนข้างแมทท์ไฮไลท์จำเป็นมาก ไม่ลงหน้าก็จะดูไม่วาว ขาดความเป็น Glass Skin ไฮไลท์ที่แนะนำเป็นแบบลิควิด เพื่อการกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง มีเท็กซ์เจอร์ที่ดูเนียนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับผิว จะใช้ผสมในรองพื้นเลยก็ได้ หรือจะลงรองพื้นก่อนแล้วลงลิควิดไฮไลท์แบบเฉพาะจุดก็ได้ แล้วแต่ถนัดค่ะ

Fierce's Pick

M.A.C Strobe Cream (ราคา 1,550 บาท, www.maccosmetics.co.th)

สุดยอดไอเท็มที่ใครๆ ก็ใช้ เมื่อแต่งหน้าในลุคผิวฉ่ำโกลว โปรดักส์ที่ใช้กันมายาวนาน ใช้ตั้งแต่ฮอลลีวูดยันเกาหลี เมคอัพอาร์ทิสทุกคนจะต้องรู้จัก ใช้แล้วหน้าก็จะดูฉ่ำๆ แบบนี้เลยค่ะ

Image source : www.instagram.com/maccosmetics

Marc Jacobs Beauty Dew Drops Coconut Gel Highlighter (ราคา 1,800 บาท, www.sephora.co.th)

8. เพิ่มความโกลวด้วยไฮไลท์เนื้อฝุ่น

ไฮไลท์เนื้อฝุ่นใช้ลงเพียงนิดเดียวเท่านั้น ในส่วนที่สูงที่สุดบนใบหน้า สามารถเลือกไฮไลท์ที่ตัวเองชอบได้เลยว่าอยากวาวมากหรือน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นลุคธรรมชาติก็เลือกวาวน้อยหน่อย แต่ถ้าเป็นลุคออกงานล่ะก็วาวเหลือบจัดเต็มได้เลยค่ะ แนะนำให้ใช้ไฮไลท์ที่สาวๆ มีอยู่นี่แหละค่ะ ไฮไลท์ตัวโปรดยังไงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

Image source : www.instagram.com/bobbibrown

Image source : www.instagram.com/bobbibrown

9. ฉีด Setting Spray

เซ็ตติ้งสเปรย์ไอเท็มที่สำคัญพอๆ กับไพรเมอร์ จะช่วยให้ทุกอย่างบนใบหน้าประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ละลายทุกอย่างให้กลมกลืน และเพิ่มความวาวฉ่ำเฟรชให้ลุค Glass Skin อีกด้วยค่ะ 

M.A.C Prep + Prime Fix+ (Shimmer) (ราคา 1,100 บาท, www.maccosmetics.co.th) 

ทางลัดฉีดแล้วหน้าโกลวฉ่ำได้ในทันที ใครมีสูตร original อยู่แล้วก็ใช้ได้ค่ะ แต่สูตรชิมเมอร์จะฉ่ำโกลวมากกว่า จนสามารถแต่งหน้าฟินิชแมทท์ แล้วฉีดตัวนี้จบเลย ไฮไลท์ไม่ต้องค่าาา เริ่ดเว่อร์!

Image source : www.instagram.com/maccosmetics

ลุคนี้ดูผิวสุขภาพดีมาก ใครหน้าแห้งแล้วอยากดูผิวฉ่ำๆ ต้องลอง จริงๆ การแต่งลุคนี้อาจจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่ได้นานสำหรับสาวไทย ส่วนใหญ่ก็ใช้แต่งแล้วออกงานเลย อยู่ได้แค่ 2-4 ชม. เท่านั้น แต่สามารถนำไปปรับใช้กับเมคอัพลุคของตัวเองได้ เพื่อเพิ่มความฉ่ำโกลวค่ะ ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปแต่งตามกันดูนะคะ เฟียร์ซลองแล้วสวยลืม! ได้ผลสุดๆ ค่าาาา