หน้าร้อนแบบนี้ ชะนีหน้าแน่นทั้งหลายมีต้องก่ายหน้าผากเพราะสารพัดปัญหาเมคอัพที่รัวๆเข้ามาอย่างคับคั่ง และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคงไม่พ้น “เมคอัพไหลเยิ้ม” เจอกันถ้วนหน้าจริงๆค่ะ ร้อยวันพันปีไม่มีวันไหนที่ไม่มั่น พอได้เจอกับตัวแค่ครั้งเดียวเท่านั้นบอกเลยว่าเสียเซลฟ์แบบวิญญาณถอดร่างกันไปเลย! จ๋องไปเลยทั้งวัน ถ้าใครไม่เก็ทขอให้ลองดูแล้วจะรู้ว่า #ช็อตนี้กรูตายว่ะ คืออะไร!! 

หลังจากที่เฟียร์ซได้ลองแก้ปัญหาโดยการใช้เครื่องสำอางกันน้ำหลายรายการมาแล้ว บอกเลยว่าแก้ปัญหาได้แค่ระดับนึงเท่านั้น เพราะถ้าผิวหน้าอยู่ในสภาพไม่รองรับเมคอัพในระยะเวลาที่เราต้องการ ถ้าเวลาที่เหงื่อออก หน้ามัน ทุกอย่างก็พังครืนและไหลลงมารวมกันโดยมิได้นัดหมายเหมือนเดิม 

ตัวอย่างความไหลเยิ้มค่ะ

ดังนั้นตัวการสำคัญที่จะช่วยรั้งรึงตรึงเมคอัพปรับสภาพผิวดั่งเป็นกาวใจที่สมานให้ผิวหน้าและเมคอัพสามัคคีกันมากขึ้นก็คือ ไพร์เมอร์​ นั่นเองค่ะ และตัวที่เราจะลองรีวิวให้ดูกันในวันนี้คือ ไพร์เมอร์ฟรีซผิวเหนือเทพ Illamasqua Hydra Veil และ Illamasqua Matte Veil ที่เป็นไอเท็มโปรดของเหล่าบล็อกเกอร์และเมคอัพอาร์ทติสหลายๆท่าน จะดีงามสมคำร่ำลือเยี่ยงไร เตรียมน้ำ เตรียมขนม แล้วมาชมไปพร้อมๆกันเลยค่าาา

Illamasqua Hydra veil

ตัว Hydra Veil เป็นไพรเมอร์เนื้อเจลใส เมื่อทาลงไปที่ผิวหน้าแล้วจะรู้สึกเย็น บางเบาไม่หนักหน้า ช่วยฟรีซเครื่องสำอางและความชุ่มชื่นไว้ที่ผิวได้นานถึง 8 ชม. ให้ลุคและสัมผัสเนียนแน่นและฉ่ำเหมือนเพิ่งแต่งหน้าใหม่ทั้งวัน และที่ชอบที่สุดคือ เค้าบอกว่าลงแล้วจะช่วยให้เครื่องสำอางสีตรงที่สุด

 ตัวนี้เฟียร์ซใช้ลงในบริเวณที่แห้งเป็นพิเศษ คือ ช่วงแก้มและคาง หรือ U Zone นั่นเอง
เพื่อช่วยเตรียมผิวให้ชุ่มชื้นและ fix เมคอัพค่ะ

Illamasqua Matte Veil

สำหรับ Matte Veil น่าจะโดนใจสาวๆที่มีผิวหน้ามันอยู่แล้วเลยไม่อยากได้ความวาวฉ่ำเพิ่มอีก ตัวนี้จะให้ความแมทท์สนิท เป็นเนื้อเจลเข้มข้น ที่ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า ถึงจะให้ลุคที่แมทท์สนิทแต่ก็เก็บกักความชุ่มชื่นไว้ที่ผิว ไม่ทำให้ผิวดูแห้งกร้าน ใครที่รักผิวหน้าแบบแมทท์ต้องชอบเพราะไม่มันตลอดทั้งวันเลยค่ะ คลิกที่นี่เพื่ออ่านข้อมูล Hydra Veil & Matte Veil เพิ่มเติม

 ตัวนี้เฟียร์ซลงบริเวณ T Zone คือ หน้าผากและสันจมูกเพราะจะมันเป็นพิเศษค่ะ
อยากรู้ว่าถ้าใช้กับบริเวณที่มีความมันแล้ว Matte Veil จะให้เอคเฟคอย่างไร

อ่อ! ลืมบอกว่าการทดลองครั้งนี้เฟียร์ซทาแค่ครึ่งหน้านะคะ ใบหน้าฝั่งซ้ายจะไม่ได้ลงอะไรเลย ใบหน้าฝั่งขวา จะเป็นฝั่งที่ลงไพร์เมอร์ทั้งสองตัว 

หน้าสด (โปรดทำใจ)​ฝั่งซ้ายไม่ได้ทานะคะ ทาเฉพาะฝั่งขวา
จะสังเกตเห็นได้ทันทีว่าฝั่งที่ทาผิวจะมีสีที่สม่ำเสมอกว่า 
เนียนเรียบเป็นสัมผัสเดียวกันตั้งแต่หน้าผากจรดคางค่ะ

เมื่อลงทั้งสองตัวแล้วก็แต่งหน้าลงเมคอัพปกติเลยค่ะ 

เมื่อแต่งหน้าเสร็จค่ะ 
ภาพซ้าย: คือฝั่งที่ใช้ Illamasqua Hydra Veil และ Matte Veil จะเห็นความฉ่ำและเนียนกริบแบบผิวดี๊ดี
ภาพขวา: คือฝั่งที่ไม่ได้ใช้ค่ะ สังเกตดีๆจะเห็นความเป็นฝุ่น แป้ง บลัชและอายแชโดว์ยังลอยๆอยู่บนผิว

 

หน้าตรง ถ่ายตอนแต่งเสร็จทันที แสงห้องนอนปกติไม่มีจัดไฟพิเศษค่ะ

จากนั้นก็ออกไปใช้ชีวิตลัลล้าตามปกติ เป็นเวลา 8 ชั่วโมง และนี่คือผลที่ได้ค่ะ 

แอบบอกนิดนึงว่าวันที่ออกไปทดลอง มีการดื่มเล็กน้อยและอยู่ที่เอาท์ดอร์ตลอด ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เหงื่อออก หน้าเหนียว เพราะอากาศอบอ้าวมาก และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้เมื่อกลับมาดูที่เมคอัพของเราค่ะ 

จะเห็นได้ว่าฝั่งที่ไม่ได้ลงไพร์เมอร์ (ด้านซ้ายของทั้งสองภาพ) เมคอัพไหลถึงไหนต่อไหนแล้ว โดยเฉพาะใต้ตา เขรอะมากค่ะ!! เพราะทั้งเหงื่อ ทั้งอากาศ ส่วนฝั่งที่เราลงไพร์มเมอร์ไว้ทุกอย่างอยู่ดี เหงื่อออกบ้างแต่เมคอัพไม่ไหล กลับดูชุ่มๆฉ่ำๆไม่เลอะเหมือนฝั่งซ้ายของหน้า ที่สำคัญไม่รู้สึกหนักหน้าอย่างที่หลายๆคนคิดว่ายิ่งทาอะไรเยอะก็ยิ่งหนักผิว บอกเลยค่ะ หลังจากที่ได้ลองแล้วชอบในความสบายหน้าแถมมั่นใจได้เต็มร้อยว่าเมคอัพที่แต่งไว้จะไม่ไหลไม่เลือนไปไหน จะวิ่งรอกกี่ที่ ส่องกระจกกี่ทีก็ไม่ผีแน่นอนค่ะ 

♥ ถึงเวลาให้คะแนนระดับความประทับใจ ♥

ความเบาสบายไม่หนักหน้า ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
ช่วยให้เมคอัพติดทนทาน ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เมคอัพสีตรง ไม่เพี้ยน ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
ความคุ้มค่า ปริมาณและราคา ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ (เยอะดีใช้ได้นานเลยค่ะ)
ความสะดวกในการใช้ ♥ ♥ ♥ ♥ 1/2

ด้วยความที่มาเป็นกระปุกเปิดฝาหน้ากว้าง แนะนำให้ใช้ที่บ้าน อย่าเอาไปบนรถ เพราะอาจทำให้หกแล้วหกเลยได้ แต่ถ้าใครที่ต้องแต่งหน้านอกสถานที่บ่อยๆ แก้ง่ายๆด้วยการมีไซส์ Travel ติดเอาไว้ แค่นี้ก็หน้าเป๊ะ เมคอัพไม่เละหลุดไหลกลางทางให้สะเทือนใจอีกแล้วค่ะ 

บอกเลยว่าใครที่ขาดการแต่งหน้าไม่ได้ ควรต้องลองนะคะ ไม่ใช้ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ารอตอนไหนแล้ว เพื่อความสวยแซ่บเป๊ะตลอดวัน มั่นใจไม่ต้องคอยวอแว ห่วงสวย ห่วงเติมให้วุ่นวาย ลองดูแล้วจะรู้ว่าชีวิตดีขึ้นแน่นอนค่ะ :)