Nespresso (เนสเพรสโซ) ออกกาแฟคอลเลคชั่นใหม่ The Master Origin Collection (เดอะ มาสเตอร์ ออริจิน คอลเลคชั่น) คัดสรรสุดยอดกาแฟจาก 5 ประเทศ ที่ใช้วิธีการสกัดกาแฟแตกต่างกัน ตามความเชี่ยวชาญของแต่ละพื้นถิ่น ทำให้ได้กาแฟที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ซึ่ง The Master Origin Collection ทำให้เราไม่ต้องบินไปชิมกาแฟถึงประเทศนั้นๆ แถมยังได้รสชาติใกล้เคียงต้นตำรับที่สุด จะมีกาแฟมาจากประเทศไหนบ้างไปดูกันเลยค่ะ
The Master Origin Collection 5 รสชาติกาแฟที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศได้อย่างลงตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟของ Nespresso ได้มีการเดินทางเพื่อเสาะหาแหล่งกาแฟที่มีคุณภาพเยี่ยมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเริ่มจากภูเขาสุมาตราไปจนถึงเนินสูงของนิการากัว และได้ร่วมมือกับเกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกกาแฟในแต่ละท้องถิ่นโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทำการทดสอบนวัตกรรมใหม่ๆ และวางแนวการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสรรค์รสชาติกาแฟที่มีคุณภาพที่สุด
Karsten Ranitzsch, ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟจาก Nespresso กล่าวว่า “กรรมวิธีการการผลิตกาแฟในแต่ละขั้นตอนนั้นสำคัญมากในการรังสรรค์กาแฟชุด Nespresso The Master Origin สามารถผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อได้ 5 กาแฟที่มีรสชาติที่แตกต่าง และคงรสชาติดั้งเดิมของแต่ละพื้นที่ไว้ เราได้ร่วมกับเกษตรกรในท้องถิ่นในการลองสิ่งแปลกใหม่นี้ร่วมกัน จนออกมาเป็น 5 รสชาติที่พิเศษนี้ได้ ต้องขอบคุณแรงสนับสนุนจาก Nespresso AAA Sustainable Quality™ Program” หนึ่งในโครงการจาก Nespresso
The Master Origin Collection ประกอบด้วย
Master Origin Ethiopia
ในประเทศเอธิโอเปียจะเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟในทุกๆ ชั่วโมงด้วยมือเพื่อให้แน่ใจว่าเมล็ดพันธุ์แห้ง และได้มาตรฐานที่สุด
รสชาติ : มีกลิ่นหอมของดอกไม้และให้รสชาติที่เบาสดชื่น
กรรมวิธีในการสกัดกาแฟ : Natural dry processing (กรรมวิธีการตากแบบธรรมชาติ)
เกษตรกรท้องถิ่นในเอธิโอเปียมีความเชี่ยวชาญด้านการสกัดแบบแห้งมาอย่างยาวนาน โดยใช้กรรมวิธีตากผลของกาแฟในแดดบนเนินสูง ทำให้กาแฟรสชาตินุ่มนวลและมีกลิ่นผลไม้อ่อนๆ
Master Origin Colombia
ประเทศโคลอมเบียจะบ่มกาแฟไว้บนต้นให้แก่เต็มที่จนเป็นสีม่วงเข้มถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บเกี่ยว
รสชาติ : รสชาติมีกลิ่นหอมของผลไม้และมีชีวิตชีวา
กรรมวิธีในการสกัดกาแฟ : Late harvest (เก็บเกี่ยวตอนสุกคาต้น)
ใช้เทคนิคการเก็บเกี่ยวปลายฤดู เมล็ดกาแฟที่ได้จึงเป็นกาแฟที่โตเต็มที่บนกิ่ง และทุกๆ การเริ่มต้นของวันใหม่ ผลกาแฟทุกผลจะต้องได้รับการประเมินและเราจะเลือกเก็บต่อเมื่อมันพร้อมอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
Master Origin Indonesia
ที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เหล่าเกษตรกรจะใช้กรรมวิธีท้องถิ่นคือการสีกาแฟแบบเปียก โดยใช้วิธีสีกาแฟในขณะที่เมล็ดยังสดอยู่
รสชาติ : เข้มข้นและมีกลิ่นหอมของไม้
กรรมวิธีในการสกัดกาแฟ : Wet hulling (สกัดแบบสีกาแฟแบบเปียก)
ความชื้นคงที่ในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกษตรกรสามารถสกัดเมล็ดพันธุ์ขณะที่ยังชื้น และสดใหม่ เมล็ดจึงมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เข้มข้น มีรสสัมผัสนุ่มนวลและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของพันธุ์ไม้
Master Origin India
อินเดียจะใช้กรรมวิธีแบบ monsoon (มอนชูน) คือการนำเมล็ดกาแฟดิบที่เก็บเกี่ยวแล้วปล่อยไว้ริมชายฝั่งให้ได้รับทั้งความชื้นและแสงแดดในช่วงลมมรสุม โดยกรรมวิธีนี้มีที่มาจากเรือขนส่งเมล็ดกาแฟได้ฝ่าลมมรสุมในระหว่างการขนส่ง จึงทำให้เม็ดกาแฟได้ซึมซับความชื้นจากทะเลส่งผลให้เมล็ดกาแฟพองตัวขึ้น รวมถึงการได้รับแสงแดดที่ส่งผลให้เมล็ดกาแฟหดตัวลง การพองตัวและหดตัวลงของเมล็ดกาแฟนี้ได้ให้กำเนิดรสชาติใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งกรรมวิธีของ Master Origin India นี้ได้ถูกนำมาใช้ในศตวรรษที่ 21 ที่โดยนิยมใช้กาแฟอาราบิก้า แต่เพื่อรสชาติที่แปลกใหม่ Nespresso ได้นำกรรมวิธีนี้มาใช้กับกาแฟโรบัสต้าค่ะ
รสชาติ : รสชาติเข้มข้นและมีความสไปซี่
กรรมวิธีในการสกัดกาแฟ : Monsoon (มอนชูน)
มรสุมที่พัดแรงเข้าสู่ชายฝั่งมาลาบาร์ ในประเทศอินเดีย ทำให้เกษตรกรท้องถิ่นเริ่มพัฒนาที่ดินเพื่อเพาะปลูกเมล็ดกาแฟที่ให้รสชาติเข้มข้น
Master Origin Nicaragua
นิการากัว จะใช้กรรมวิธี Black honey (แบล็ก ฮันนี่) คือการปลอกเปลือกแล้วนำกะลากาแฟที่ยังคงมีเมือกจากผลกาแฟอยู่ไปตากรวมกันเพื่อให้ความหวานของน้ำตาลธรรมชาติซึมซาบเข้าสู่เมล็ดกาแฟ
รสชาติ : รสชาติหวานนุ่มละมุน
กรรมวิธีในการสกัดกาแฟ : Black honey (นำเมล็ดกาแฟที่ยังมีเมือกจากผลกาแฟ ไปตากแห้ง)
ในเนินเขาสูงประเทศนิการากัว ได้มีการนำกะลากาแฟที่ยังมีเมือกจากผลกาแฟอยู่ไปตากแดดทุกๆ ชั่วโมง ภายใต้แสงแดดจ้าช่วยทำให้ความหวานธรรมชาติซึมซาบเข้าไปในเมล็ดกาแฟได้อย่างดี
นอกจากนี้ Nespresso ยังมีเครื่องชงกาแฟรุ่น Essenza Mini Limited Edition Matte Black ด้วยดีไซน์สีดำที่หรูหราทันสมัย ผิวสัมผัสด้าน พร้อมด้วยฟังค์ชั่นการใช้งานครบครันและสะดวกสบายในไซส์ขนาดกระทัดรัด ได้รับการรังสรรค์ออกมาใน 2 รูปลักษณ์กับสไตล์ที่โดดเด่น ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์เรียบเท่ คลาสสิค และรูปทรงสามเหลี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสนุกสนานให้กับบรรยากาศในห้องครัว
Essenza Mini Limited Edition Matte Black
ราคา 6,000 บาท เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 กันยายน 2561
สาวๆ ที่สนใจก็ไปจัด Nespresso ทั้งแคปซูลกาแฟและเครื่องชง ได้ที่
• Nespresso boutique, ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 1
• Nespresso Pop-Up Boutique, Emquartier, Helix Quartier ชั้น G
• Nespresso Central Embassy, ชั้น 2
• โทรฟรี 1800-019090, เว็บไซต์ www.nespresso.com หรือแอปพลิเคชั่นมือถือ Nespresso
• Facebook.com/Nespresso.thailand, Instagram : @Nespresso.th
• LINE@ : @NespressoTH
คอลเลคชั่นนี้จะเริ่มวางขายในวันนี้ (5 ก.ย. 61) รสชาติไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ค่ะ เหมือนบินไปดื่มกาแฟที่ประเทศต้นตำรับ ใครที่ชอบกาแฟรสชาติแปลกใหม่ ต่างจากที่ดื่มอยู่ทุกวันต้องลองค่า~