Dior ขอต้อนรับสาวๆ เข้าสู่ Les Parfums (เล ปาร์ฟัง) ครั้งแรกในเอเชีย ให้สาวๆ ได้เปิดประสบการณ์สู่อาณาจักรน้ำหอม Christian Dior พบกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบในน้ำหอม และค้นพบกลุ่มน้ำหอมหลักที่ดีที่สุดของดิออร์ โดยเริ่มจากการลงทะเบียน และรับเวลคัมการ์ด การ์ดนี้เปรียบเสมือนกับพาสปอร์ต ที่ใช้ในการเดินทางเข้าเยี่ยมชมจุดต่างๆ และใช้ในการรับผลิตภัณฑ์ตัวอย่างหลังจากการชมงานนี้ ณ ลานกิจกรรมเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่ง ZEN ตั้งแต่วันนี้ - 9 ก.พ. 62 รายละเอียดในงานจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่า~

จุดแรก คือการเข้าสู่บรรยากาศของเมืองกราซ ซึ่งเป็นแหล่งเก็บเกี่ยวส่วนผสมสำคัญในน้ำหอมของดิออร์  นั่นคือดอกกุหลาบ และดอกจัสมิน... “เมืองกราซ ประเทศฝรั่งเศส เป็นแหล่งผลิตและเก็บเกี่ยวส่วนผสม ที่นำมาใช้ทำน้ำหอมที่ดีที่สุดในโลก”

“วีดีโอในงานนี้ แสดงถึงความผูกพันของดิออร์กับเมืองกราซ  เพราะดิออร์ ได้ย้ายสถาบันวิจัย และสถานที่เก็บเกี่ยวดอกไม้ไปอยู่ที่เมืองกราซ เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่ดีที่สุด”

ดิออร์มีสถานที่สำคัญอยู่สามที่ด้วยกัน นั่นคือ

1. คฤหาสน์ ลา กอลล์ นัวร์ บ้านของคริสเตียน ดิออร์ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับน้ำหอมหลายๆ กลิ่น

2. ห้องแล็บ และสถานที่ซึ่งผู้ปรุงน้ำหอม คิดค้นน้ำหอมใหม่ๆ

3. ไร่กสิกรรม ที่เก็บดอกไม้สดจากแหล่งผลิต และส่งเข้าโรงกลั่นน้ำหอมในวันเดียวกันเพื่อความสดใหม่ ใช้ดอกกุหลาบ 30,000 ดอก เพื่อให้ได้หัวน้ำหอมเข้มข้นเพียง 1 กิโลกรัม

จุดที่ 1 คือกลุ่มน้ำหอมที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย  นั่นคือน้ำหอม มิสดิออร์นั่นเอง”

“มิสดิออร์ เป็นน้ำหอมที่สร้างจากความรัก และเป็นน้ำหอมที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับเสื้อผ้ากูตูร์ของดิออร์อีกด้วย.  คริสเตียน ดิออร์ เคยกล่าวไว้ว่า เขาอยากสร้างน้ำหอม ที่เป็นกลิ่นไอของความรัก  ทำให้มิสดิออร์ เป็นตัวแทนของความรักนั่นเอง  ซึ่งเหมาะมากกับเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่กำลังมาถึงนี้”

Miss Dior EDT

ขอนำเสนอน้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลมิสดิออร์ ที่มีชื่อว่า มิสดิออร์ โอเดอตัวเลต์ ที่เป็นแนวกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกสดใสทันที สำหรับ Miss Dior Eau de Toilette รุ่นใหม่ ฟรองซัวส์ เดอมาชีเน้นความสำคัญให้แก่กุหลาบเมืองกราส์ด้วยการดึงเอาแง่มุมความสดชื่นในเนื้อกลิ่นออกมาอย่างชัดเจนโดยใช้หัวน้ำหอมกลิ่นลิลลี่ ออฟ เธอะ วัลเลย์ที่เขาปรุงสูตรขึ้นใหม่

กลิ่นหอมฟุ้งกระจายของกุหลาบเมืองกราส์พร่างพรูกรูเกรียวดุจสายลมพัดหวนอย่างรุนแรงท่ามกลางประกายสว่างสดใสของ “กลีบ” มะลิ กลิ่นดอกไม้คู่ขนานในคราวนี้ได้รับการโอบกระหวัดอยู่ภายในม่านโปร่งบางที่ถักทอขึ้นจากความสดชื่นของลิลลี่ ออฟ เธอะ วัลเลย์ ดอกไม้ที่คริสเตียน ดิออร์ นักออกแบบแฟชั่น-น้ำหอมผู้เชื่อถือในเรื่องโชคลางโปรดปรานในฐานะเครื่องรางนำโชค

Miss Dior Roller-Pearl Eau de Toilette

งดงามดุจอัญมณี บัดนี้ ความหรูหราสำหรับพกพาติดตัวของ Miss Dior Roller-Pearl มีวางจำหน่ายในรุ่นโอ เดอ ตัวเลต์ สัมผัสเย้ายวนชวนให้เติมแต่งตลอดเวลา นำมาซึ่งกิจวัตรใหม่ในการใช้น้ำหอมบนเรือนกายได้อย่างเสรี ไม่มีข้อจำกัด หรือกฎเกณฑ์ใดๆ ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลาตามต้องการ แค่หยิบ Miss Dior Eau de Toilette ออกมาจากกระเป๋าถือเหมือนเป็นเครื่องประดับสุดหรูหรา และตรึงตราความหอมจากมวลพฤกษาอันทรงเอกลักษณ์ลงบนข้อมือ หรือต้นคอ

ราคา: 50ml. 3,650 บาท, 100ml. 5,100 บาท, Roller Pearl 20ml. 1,850 บาท, Soap 1,100 บาท

ดิออร์ยังมีน้ำหอมอีก 3 แนวกลิ่นในกลุ่มมิสดิออร์ที่อยากนำเสนอ นั่นคือ Miss Dior EDP (โอ เดอ ปาร์ฟัง) ที่เป็นแนวกลิ่นกุหลาบที่เย้ายวน, Miss Dior Absolutely Blooming (แอบโซลูทลี บลูมมิ่ง) ที่เป็นกุหลาบแนวหอมหวาน และ Miss Dior Blooming Bouquet (บลูมมิ่ง บูเกต์) ที่เป็นน้ำหอมอันดับหนึ่ง และเป็นกุลาบอ่อนโยน บอบบางผสานกับดอกโบตั๋น

J’adore

จากดอกกุหลาบ ที่จะพาคุณมาพบกับส่วนผสมที่เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของดิออร์ นั่นคือดอกจัสมินหรือมะลิ ที่มาจากเมืองกราซค่ะ,  มะลิชนิดนี้ จะมีก้านยาว และกลีบที่ยาวกว่ามะลิที่สาวๆ คุ้นเคย และมีแนวกลิ่นที่หอมหวานอบอวล ทำให้คุณรู้สึกถึงความหรูหราของเนื้อกลิ่นทันทีที่สัมผัส”

J’adore EDP

“น้ำหอมฌาดอร์ เริ่มมาจากหลักการที่ว่า ถ้าทองคำกลายเป็นกลิ่น กลิ่นของความหรูหราจะออกมาเป็นกลิ่นของฌาดอร์นั่นเอง,  กลิ่นของ ฌาดอร์ โอเดอร์ปาร์ฟัง เหมือนกับช่อดอกไม้หลากชนิดที่จัดมาเป็นพิเศษเพื่อเน้นความหรูหรา สง่างาม ด้วยการผสมผสานดอกจัสมิน ให้เข้ากับดอกไม้อีกหลายชนิด เพื่อสร้างความเจิดจรัส และโดดเด่นกว่าใคร”

“นอกเหนือจาก โอเดอปาร์ฟังแล้ว ฌาดอร์ ยังมีแนวกลิ่น EDT (โอ เดอตัวเลต์) In Joy (อิน จอย) ที่เป็นความสดใสที่มาจากการผสานเอากลิ่นแบบฟรุตตี้เข้าไป, กลิ่น L’absolu (แอบโซลู) ที่หวานหอม ดั่งเกสรดอกไม้, และ L’Or (ลอร์) ที่เป็นแนวกลิ่นของดอกไม้เลอค่า”

Joy

“ขอนแนะกลุ่มน้ำหอมใหม่ล่าสุด ที่สะท้อนภาพความสุข ความรื่นรมย์ของชีวิต  ด้วยแนวกลิ่นที่ถูกออกแบบมาเหมือนกับแสงอาทิตย์ ตกกระทบผืนน้ำ ทั้งสี, กลิ่น และแม้กระทั่งขวดของน้ำหอมแสดงถึงความสุข และนาทีที่คุณเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต”

น้ำหอม “จอย บายดิออร์” มีความเข้มข้นแบบโอเดอปาร์ฟัง และมีแนวกลิ่นของผลไม้ตระกูลเปรี้ยว ผสานกับกุหลาบและจัสมิน และอยากจะนำเสนอขวดที่ใสสะอาด ที่ไฮไลท์น้ำหอมสีชมพู ที่ตามคำจำกัดความของคริสเตียน ดิออร์แล้ว  คือสีของความสุข และขวดประดับไปด้วยฝาที่เหมือนการพันด้ายสีเงินด้วยมือ แสดงความพิถีพิถัน สอดคล้องกับโลโก้สีเงิน

Sauvage

ถึงแม้ว่าดิออร์จะเน้นน้ำหอมกลุ่มสำหรับผู้หญิง แต่ก็ยังมีกลุ่มน้ำหอมสำหรับผู้ชาย ที่ได้รับการรีวิวดีมากๆ นั่นคือกลุ่มน้ำหอม โซวาจ ที่สร้างขึ้นมาสำหรับชายผู้รักการท่องเที่ยวและการผจญภัยค่ะ”

“โซวาจถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ที่ผู้ชายส่วนใหญ่นั้น ชอบแนวกลิ่นที่เฟรช สดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่ต้องการกลิ่นที่ติดกับผิวได้นานกว่าน้ำหอมแนวเฟรชทั่วไป”

โซวาจ เป็นการนำเอาเบอร์กามอต ที่ดีที่สุดในโลก จากอิตาลี มาผสมกับลาเวนเดอร์และวานิลลา จึงเป็นแนวกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ และโด่งดังไปทั่วโลก,  แนวกลิ่นที่แนะนำในวันนี้คือ โซวาจ โอเดอร์ ปาร์ฟัง ที่มีทั้งความหนักแน่น และความนุ่มนวล ผสมผสานอยู่ในขวดเดียว  คุณจะเห็นได้จากการไล่สีที่ใส ที่ก้นขวด แสดงออกถึงการเปิดตัวที่สดชื่นของน้ำหอม และไล่สีที่เข้มขึ้น เป็นสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของผู้ชายดิออร์ เพราะบอกถึงความสุขุม หนักแน่น  เป็นแนวกลิ่นที่เหมาะกับผู้ชายทุกคนค่ะ”

“โซวาจ  ยังมีอีกสองรูปแบบคือน้ำหอมแนวกลิ่น โอเดอ ตัวเลต์ (EDT) ถ้าคุณต้องการกลิ่นที่ใส และสะอาดสดชื่นเหมือนอาบน้ำมาใหม่ๆ และรูปแบบ เวรี่คูลสเปรย์ (Very Cool Spray) ที่เป็นแนวกลิ่นเดียวกับ EDT แต่พกพาได้ง่าย ด้วยกระป๋องที่เบา แต่หัวเสปรย์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นสเปรย์แบบแอร์สเปรย์ ไม่ใช่แก๊ซ”

สาวๆ ที่อยากสัมผัสน้ำหอมดิออร์ไปที่นี่ได้เลยค่ะ จัดเต็มทุกรุ่น ทุกกลิ่น แถมยังได้ฟรี sample อีกด้วยนะคะ ในงานยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย ให้สาวๆ ฟินสุดๆ บอกเลยว่าสาวกดิออร์ต้องไป หรือใครที่กำลังหาน้ำหอมกลิ่นแรกในชีวิต แนะนำให้ไปลองดิออร์ กลิ่นดีงามมากๆ มีหลากหลายแนวกลิ่นให้เลือกค่ะ ไปลองดมกันได้ค่าาาา