ช่วงนี้ใครๆ ก็ต้องช้อปออนไลน์ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกินของใช้ และเครื่องสำอาง เครื่องสำอางนี่แหละค่ะที่เป็นปัญหาชีวิต ถ้าเป็นลิปสติก อายแชโดว์ หรือบลัชออนก็ยังพอเดาสีได้ แต่รองพื้นเนี่ยสิ จะเลือกยังไงค้าาา วันนี้เฟียร์ซมีเทคนิคเลือกสีรองพื้นผ่านทางออนไลน์มาฝาก ถือเป็นการตอบคำถามจากทางบ้านไปด้วยในตัว จะมีวิธียังไงบ้างไปดูกันเลยค่า~
1. รู้จัก Undertone
ก่อนอื่นต้องรู้จัก Undertone สีผิวของตัวเองกันก่อนนะคะ ดูง่ายๆ จากเส้นเลือดใหญ่ใต้ผิวหนังบริเวณข้อมือ ควรดูในแสงธรรมชาติค่ะ
- เส้นเลือดสีม่วง-ฟ้า จะเป็น Undertone Cool
- เส้นเลือดสีฟ้า-เขียว จะเป็น Undertone Neutral
- เส้นเลือดสีเขียว-เขียวเข้ม Undertone Warm
ทำไมต้องรู้จัก Undertone?
เพราะถ้าเลือกรองพื้นที่ไม่ใช่ Undertone ของเรา หน้าจะดูหมอง ไม่สดใส เช่น คนที่ผิวโทน Cool ถ้าเลือกรองพื้นโทน Warm ผิวก็จะดูหมองคล้ำกว่าปกติ ทั้งๆ ที่เลือกรองพื้นเบอร์สว่างแล้ว ซึ่งสาวไทยส่วนใหญ่ก็จะอยู่โทน Neutral ค่ะ แต่สาวเกาหลีส่วนใหญ่จะอยู่ในโทน Cool ทำให้เวลาเราใช้คุชชั่นจากฝั่งเกาหลีแล้วหน้าเทาค่าาา มันมีที่มาที่ไปแบบนี้แหละ ไม่ใช่ความขาวเกินเบอร์แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ Undertone ค่ะ
2. รู้จัก Shade สีผิว
เฉดสีผิวก็คือความสว่าง-เข้มของผิว มีความสัมพันธ์ผกผันตาม Undertone คนที่ผิวขาวไปเลย กับผิวเข้มไปเลยก็จะเลือกสีรองพื้นง่ายกว่า คนที่สีผิวกลางๆ โทน Neutral จะเลือกยากนิดนึง ตั้งอาศัยประสบการณ์ส่วนตัวสูงมาก ต้องรู้จักเฉดสีผิวของตัวเอง ว่าเราสว่างหรือเข้มเบอร์ไหน และเลือกให้ตรงกับผิวเราที่สุดค่ะ
- Undertone Cool ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่ผิวขาว เช่น สาวยุโรป-สาวหมวย
- Undertone Warm ส่วนใหญ่ก็จะมีผิวสีแทน-เข้ม เช่น สาวอินเดีย-อัฟริกัน
- แต่ Undertone Neutral คือจะดูยากนิดนึง จะขาวก็ไม่ขาว จะเข้มก็ไม่เข้ม สีนั้นก็ได้ สีก็เข้ากับผิวไปหมดเลยค่าาา
จากภาพนี้ก็เป็นตัวอย่างเฉดสีจากแบรนด์ Fenty Beauty เขาก็จะแบ่งกลุ่มสีเป็น Light, Medium, Tan และ Deep เข้าไปทำแบบทดสอบค้นหาสีผิวได้ที่ www.fentybeauty.com ค่ะ
Image source : www.fentybeauty.com
ส่วนภาพนี้ก็เป็นตัวอย่างเฉดสีจากแบรนด์ Bobbi Brown ซึ่งแบ่งกลุ่มสีเป็น Extra Light, Light, Medium และ Medium Deep แต่ละแบรนด์ก็จะแบ่งกลุ่มสีแตกต่างกันไป จะใช้เบอร์เดียวกันกับทุกแบรนด์ไม่ได้นะคะ เข้าไปทำแบบทดสอบค้นหาสีผิวได้ที่ www.bobbibrown.co.th ค่ะ
Image source : www.bobbibrown.co.th
3. ดู Swatch จากแบรนด์
เดี๋ยวนี้แบรนด์เครื่องสำอางจะทำ Swatch สีรองพื้นให้สาวๆ ดูอยู่แล้ว บอกเลยว่าคนที่เป็นเซียนในการเลือกรองพื้น ดูแล้วก็จะรู้ทันที ว่าตัวเองใช้สีเบอร์อะไร ต้องดูและพิจารณาภาพด้วยนะคะ ว่าถูกแต่งสี แต่งแสงมามากน้อยเพียงใด สิ่งที่ต้องดู ได้แก่
- Swatch บนกระดาษ หรือบนแขนนางแบบ
- Swatch แบบดิจิตัล หรือ Swatch จริงๆ
ควรเลือกแบรนด์ที่ทำ Swatch จริงๆ และทำบนผิวนางแบบจริงๆ จะน่าเชื่อถือที่สุดค่ะ
Image source : www.nars.co.th
4. ดูรีวิวจาก Influencer
ดูการ Swatch สีจากแบรนด์แล้วก็ต้องดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริงด้วยค่ะ ลองดูสิว่ามี Influencer คนไหน ทำ Swatch หรือรีวิวไว้บ้าง ดูแล้วก็ลองพิจารณาดูว่า เป็นเนื้อและฟินิชที่เราชอบหรือเปล่า และเป็นสีแบบผิวของเราจริงรึเปล่า ถ้าสาวๆ มี Influencer ในดวงใจที่มีสีผิวเดียวกันก็จะเริ่ดมาก ทำให้การเลือกสีง่ายขึ้นเยอะ และต้องดูดีๆ นิดนึงนะคะ คลิปรีวิวตอนถ่ายจะใช้ไฟเยอะมาก ควรเลือกดูคลิปที่มีการออกไปในแสงธรรมชาติด้วยจะดีมากค่ะ
Image source : www.esteelauder.com
5. เทียบกับสีรองพื้นที่เคยใช้
เพื่อความเป๊ะและชัวร์ เราสามารถใช้บริการ Find Your Shade ของ Sephora ได้ ให้เข้าไปที่รองพื้นตัวที่จะซื้อ แล้วกด Find Your Shade จากนั้นกรอกชื่อแบรนด์ รุ่นรองพื้น และสีรองพื้นที่เคยใช้ลงไป ควรเป็นสีที่เป๊ะกับผิวเราที่สุด แล้วโปรแกรมก็จะคำนวนให้เลยค่ะ ง่ายมาก แต่อาจจะมีไม่ครบทุกแบรนด์นะคะ มีเฉพาะแบรนด์ที่ขายใน Sephora เท่านั้นค่ะ
ลองเข้าไปดูได้ที่ 2 ลิงค์นี้เลยค่ะ www.sephora.co.th และ www.sephora.com (ตัว .com ก็จะมีแบรนด์ให้เลือกมากกว่า เข้าไปกดหาสีรองพื้นกันได้ค่ะ)
Image source : www.sephora.co.th
6. รู้จัก Codename
ศึกษาทฤษฎีสีผิวมาทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ก็ต้องอ่าน Codename หรือโค้ดสีให้เป็นด้วย หลักๆ แล้วเราจะดูเลขเบอร์ตัวหน้าสุด ซึ่งแสดงถึงความสว่าง-เข้มของสีผิว และตัวอักษร N, W, C ที่จะแทรกอยู่ในโค้ดสี (เฉพาะบางแบรนด์)
#เบอร์ 0-1 ผิวขาว
#เบอร์ 2 ผิวกลาง
#เบอร์ 3 ผิวแทน
#เบอร์ 4 ผิวเข้ม
เลขที่ตามมาตัวที่ 2,3 ก็จะแบ่งแยกเฉดให้ละเอียดออกไปอีก ตามระดับความเข้มของสีผิวค่ะ
ส่วนตัวอักษร N, W, C ก็คือ Undertone นั่นเอง
N = Neutral
W = Warm
C = Cool
ถ้าไม่มีตัวอักษรกำกับ ส่วนใหญ่แบรนด์จะทำ Undertone สลับกันค่ะ เช่น
เลข 0 = Cool
เลข 2 = Neutral
เลข 3 = Warm
อันนี้แค่ตัวอย่างเท่านั้นนะคะ บางแบรนด์ก็จะตั้งชื่อโค้ดแตกต่างกันออกไป เพราะโค้ดสีไม่ได้มีกฎตายตัว แต่ละแบรนด์จะตั้งชื่อเอง บางแบรนด์ก็ตั้งเป็นชื่อสีไปเลย อันนี้ก็จะต้องดูให้ละเอียดเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ
Image source : www.sephora.com
7. เลือกระดับการปกปิดและฟินิชชิ่ง
อันนี้ก็แล้วแต่สาวๆ เลยค่ะว่าอยากได้การปกปิดในระดับไหน ถ้าผิวไม่มีปัญหาอะไรมากก็ควรเลือกระดับ Light - Medium coverage และผิวหน้าที่มีปัญหา มีรอยต่างๆ ที่ต้องการปิดเยอะ ก็เลือกแบบ Medium - Full coverage ค่ะ
ส่วนฟินิชก็สามารถเลือกได้ตามใจ อยากหน้าโกลวหรือหน้าแมทท์ก็จัดไป! รองพื้นทุกรุ่นจะบอกอยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์มีฟินิชชิ่งแบบไหน และเหมาะสำหรับผิวแบบไหน ส่วนใหญ่สาวหน้ามันก็มักจะชอบรองพื้นฟินิชแมทท์ ส่วนสาวผิวแห้งก็มักจะเลือกรองพื้นที่มีความโกลวและชุ่มชื้นค่ะ
Image source : www.esteelauder.com
ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ อันดับแรกเลยก็คือต้องเข้าใจสีผิวของตัวเองก่อน ว่าเราผิวเข้มเบอร์ไหน หรืออ่อนเบอร์ไหน อย่าไปพยายามเลือกสีที่ไม่ใช่ และต้องเผื่อใจไว้นิดนึงว่าเราอาจจะเลือกพลาดได้ ยิ่งเจ็บ ยิ่งประสบการณ์สูงค่าาา แต่ภาวนาให้สาวๆ เลือกถูกก็แล้วกัน สู้ๆ!!