Chloé (โคลเอ้) ได้สร้างสรรค์น้ำหอมใหม่ออกมา 9 กลิ่น "Chloé Atelier Des Fleurs" ที่สามารถฉีดผสมเบลนด์กลิ่นกันได้ ก็จะให้กลิ่นหอมที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร และมีความลงตัว ไม่ว่าเราจะฉีดตัวไหนคู่กับตัวไหนก็เข้ากันได้ดีค่ะ หรือจะฉีดผสมกัน 3 กลิ่นเลยก็ได้ ทั้งหมดมาในแนวกลิ่นดอกไม้ที่แสนพิเศษ รับรองว่าไม่เหมือนแบรนด์ไหนแน่นอน กลิ่นจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยค่าาา
ในบ้านของ Chloé หลังนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความลับแห่งความหอม สร้างสรรค์อยู่ภายในห้องปฎิบัติการแห่งความฝัน ก่อเกิดเป็นน้ำหอมทั้งหมด 9 กลิ่น ประกอบไปด้วยน้ำหอมที่มีชื่อมาจากดอกไม้ต่างๆ ความพิเศษของน้ำหอมทั้ง 9 กลิ่นนี้ สามารถทวีความหอมด้วยการฉีดผสมคู่กัน หรืออาจจะเพิ่มดีกรีด้วยการผสานความหอมถึง 3 กลิ่น เกิดเป็นกลิ่นหอมที่เข้ากันอย่างลงตัว ด้วยการหลอมรวมส่วนผสมจากธรรมชาติ
น้ำหอมแต่ละกลิ่นมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ถูกรวบรวมไว้เป็นคอลเลคชั่นสุดพิเศษที่แท้จริง เหตุนี้ Chloé จึงนำเอาพืชพันธุ์ของดอกไม้ที่ได้รับความนิยมนานาชนิดมาใช้เป็นส่วนผสมหลัก อันเป็นหัวใจสำคัญของน้ำหอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สามารถแบ่งปันเรื่องราวแบบไม่ซ้ำใครได้อย่างเหนือระดับ
จากความทรงจำในวัยเด็ก ประสบการณ์ของการเดินทาง การรำลึกถึงสถานที่ต่างๆ หรือช่วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิต สู่น้ำหอมที่สามารถทำให้หวนความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับการได้กลิ่น อันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Chloé ให้ย้อนคืนมาอีกครั้ง ผ่านการปรุงกลิ่นโดยนักออกแบบน้ำหอมชื่อดังมากมาย
Atelier des Fleurs Eau de Parfum
ขนาด 50 ml ราคา 4,850 บาท
ขนาด 150 ml ราคา 9,450 บาท
ศิลปะแห่งการผสมผสานมวลหมู่ดอกไม้
บางคนชื่นชอบดอกไม้ชนิดเดียวกันทั้งช่อ ขณะที่บางคนอาจหลงใหลดอกไม้หลากหลายสีสันในช่อเดียว คุณอาจเลือกดอกไม้ที่ชื่นชอบในร้านแล้วนำมารวมเป็นช่อดอกไม้ เสมือนกับ “Chloé Atelier Des Fleurs” (โคลเอ้ อาเตอลิเย่ เดส์ เฟลอร์ส) คอลเลคชั่นน้ำหอมได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อกลิ่นหอมที่ได้รับการผสมผสานให้เข้ากันอย่างลงตัวแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ความงดงามของส่วนประกอบอันเลอค่า
น้ำหอมที่มีส่วนผสมเข้มข้นผ่านกระบวนการผลิตที่กลั่นกรองอย่างปราณีต สู่ขวดน้ำหอมที่หรูหราแบบเหนือกาลเวลา ดีไซน์ขวดได้นำแรงบันดาลใจการจับจีบผ้ามาใช้ ฝาปิดเป็นหินอ่อนสีงาช้างสวยงามสะดุดตา ประดับประดาด้วยคอขวดสีเบจผสมสีทองดูดีมีระดับ นำเอาสีสันที่มีอยู่รอบตัวตามธรรมชาติมาใช้อย่างเรียบง่ายแบบไม่ซ้ำใคร มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาด 50 ml และ 150 ml เหมาะแก่การนำมาฉีดผสมกันจนเกิดเป็นน้ำหอมที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ที่เป็นคุณ
คอลเลคชั่นน้ำหอม L’ATELIER DES FLEURS ประกอบด้วย
● ROSA DAMASCENA ออกแบบโดย Amandine Clerc-Marie
"กุหลาบ" เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมสดชื่นและโดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติ โดย Amandine Clerc-Marie
ได้นำแรงบันดาลใจจากกลีบดอกที่ซ้อนและเรียงตัวกันอย่างงดงามของดอกกุหลาบที่อยู่ในสวนดอกไม้ในวัยเด็กของเธอ โดยกุหลาบนั้นเป็นดอกไม้ที่มอบกลิ่นหอมสดชื่น เบาบางอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับเอกลักษณ์แห่งความสนุกสนานร่าเริงที่น่าประทับใจ แบบไม่มีที่สิ้นสุด
● LAVANDA ออกแบบโดย Quentin Bisch
น้ำหอมที่เกิดขึ้นจากเสน่ห์ของแสงและเงา โดย Quentin Bisch ได้เก็บภาพจำในวัยเด็ก ขณะช่วงเวลาที่แม่ของเขาเดินออกมาจากสวนดอกไม้ที่มีสีสันสุดร้อนแรง กลับเข้าสู่ภายในบ้านที่เต็มไปด้วยแสงอันอบอุ่น และได้ฉีดพ่นสเปรย์กลิ่น "ดอกลาเวนเดอร์" ลงบนแขนของเธอ เหตุนี้เขาจึงได้เก็บภาพความทรงจำของกลิ่นหอมนั้นไว้
แล้วนำมายกระดับความหอมให้เด่นชัดมากขึ้น
● MAGNOLIA ALBA ออกแบบโดย Louise Turner
น้ำหอมที่เปี่ยมเสน่ห์ส่งกลิ่นหอมสดชื่น ด้วยคุณค่าจากกลีบ "ดอกแมกโนเลีย" ที่มีกลิ่นหอมอวบอวลแสนรัญจวนใจ ทำให้ Louise Turner ชาวพื้นเมืองอังกฤษ นึกถึงวันที่แสงแดดส่องแสงจ้า เกิดเป็นไอเดียนำมาออกแบบน้ำหอมที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของความเรียบง่าย นำคุณค่าของกลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะนาวผสานกับความหอมละมุนของดอกแมกโนเลียในช่วงฤดูใบไม้ผลิมารวมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
● CEDRUS ออกแบบโดย Quentin Bisch
เบื้องหลังความหอมของกลิ่น "เปลือกไม้" นี้ เกิดจากกลิ่นของยางไม้หอม (Balsam) ผสมกับกลิ่นควันที่ชวนให้คิดถึงของขวัญจากคนรักที่เปี่ยมไปด้วยความขี้เล่นแสนซน จากดอกไม้ช่อหนึ่งที่ทำให้ Quentin Bisch รำลึกเมื่อครั้งที่พ่อของเขาเคยมอบให้แก่แม่เขาในวัยเด็ก ซึ่งเป็นช่อดอกไม้ที่มีความงดงามและอ่อนโยนยิ่งนัก ให้ความรู้สึกถึงความละเอียดอ่อน พร้อมด้วยกลิ่นหอมจากมัสก์ก็ทำให้รู้สึกถึงอบอุ่นและความเป็นผู้นำ
● HIBISCUS ABELMOSCHUS ออกแบบโดย Domitille Michalon Bertier
ในวันที่แสงแดดสาดส่อง เปิดรับความหอมของกลิ่นผลไม้หอมอ่อนๆและกลิ่นกลีบดอกไม้หอมละมุน
ด้วยคุณค่าของ "ดอกชบา" ราชินีแห่งดอกไม้จากสวนโพลิเนีเชียน ที่ Domitille Michalon Bertier เคยจดจำได้ในวัยเยาว์ ซึ่งดอกชบาได้มอบความอบอุ่นให้แก่ช่อดอกไม้ พร้อมกลิ่นมัสก์ที่ทรงพลัง และกลิ่นหอมแป้งอ่อนๆ
● HERBA MIMOSA ออกแบบโดย Amandine Clerc-Marie
น้ำหอมกลิ่นแป้งอ่อน ๆ ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน ชวนให้นึกถึงความจำในวัยหนุ่มสาว กระตุ้นสัมผัสและปลุกเร้าอารมณ์ด้วยกลิ่นของ "ดอกมิโมซ่า" หรือไมยราบที่เบ่งบานอยู่บนเนินเขากราสเซ่ เมื่อ Amandine Clerc-Marie เธออายุช่วง 20 ปี ซึ่งกลิ่นหอมของดอกมิโมซ่านี้จะมอบความหอมอ่อนๆ ผสมผสานกับกลิ่นจากไม้ และพืชผัก เกิดเป็นกลิ่นที่เข้ากันอย่างพอเหมาะ สุดแสนล้ำค่า
● NEROLI ออกแบบโดย Sidonie Lancesseur
จากการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านกลิ่นหอมของ "ดอกส้มเนโรลิ" ทำให้ Sidonie Lancesseur ย้อนกลับไปคิดถึงการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองเซวิลล์ ประเทศสเปน เมื่อเขาได้กลิ่นหอมของดอกส้มจึงเกิดความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาและนึกถึงความอบอุ่นของแสงแดง และนึกถึงการเดินทางอันแสนหวาน เต็มไปด้วยความสะดวกสบายอย่างน่าโหยหา ชวนให้หวนกลับมาอีกครั้ง
● VERBENA ออกแบบโดย Mylène Alran
กลิ่นหอมแนวอโรม่าของ "ดอกเวอร์บีน่า" ดอกไม้นำโชคจากสวนดอกไม้ ที่ Mylène Alran เคยเก็บมาถือไว้ในมือของเธอทุกๆ วัน โดยกลิ่นหอมนี้ที่เกิดจากการนำกลิ่นดอกเวอร์บีน่าที่อยู่ในช่อดอกไม้ ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมสดชื่นของมะนาวที่โดดเด่น เปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ
● JASMINUM SAMBAC ออกแบบโดย Louise Turner
เมื่อ Louise Turner ได้หยิบยกกลิ่นหอมอันมีเอกลักษณ์ของ "ดอกมะลิลา" ที่งดงาม มาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการออกแบบน้ำหอมซึ่งมะลิลาเป็นดอกไม้ที่แสดงออกถึงความรักสำหรับมอบให้แก่แม่ในวันแม่แห่งชาติของคนไทย และเธอได้เคยดมกลิ่นหอมครั้งนั้นที่ กรุงเทพมหานคร ด้วยกลีบดอกมะลินั้นมอบความรู้สึกอ่อนโยนราวกับหยดน้ำค้างที่กลิ้งอย่างนุ่มนวลอยู่ในช่อดอกไม้ที่เจิดจรัสงดงาม
สาวๆ ที่สนใจสามารถไปพบกับน้ำหอมทั้ง 9 กลิ่น ในคอลเลคชั่นน้ำหอม Atelier Des Fleurs ได้ที่เคาน์เตอร์น้ำหอม Chloé Beauty Hall ชั้น M พารากอน, The Mall Lifestore Ngamwongwan ชั้น M, Sephora Siam Center และ Sephora.co.th ค่ะ กลิ่นดีงามน่าโดนแน่นอน ใครทนไม่ไหวก็จัดออนไลน์ไปก่อนได้เลย ส่วนใครไม่รีบก็รอได้เนอะ เมื่อเคาน์เตอร์น้ำหอมพร้อมเปิดบริการเมื่อไรก็ค่อยไปจัดกันค่าาา