Van Cleef & Arpels ขานรับการกลับมาอีกครั้งของนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะอัศจรรย์ และเครื่องบอกเวลา Watches & Wonders ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2022 นี้ เมซงได้เผยเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นผลงานเอกลักษณ์นาม Poetry of Time ผลงานแต่ละชิ้นล้วนถือกำเนิดจากความฝันกับจินตนาการ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมนิทรรศการครั้งนี้อย่างมาก และได้เผยโฉมนาฬิกาข้อมือคอลเลคชั่นใหม่ Poetic Complications เครื่องประดับซ่อนเวลาที่มีมวลพฤกษาสีสันสดใสอยู่หน้าปัด จะสวยงามขนาดไหนไปดูกันเลยค่าาา
Poetry of Time Van Cleef & Arpels
คอลเลคชั่นผลงานสมกับความหมาย “บทกวีบอกเวลา” ผลงานแต่ละชิ้นล้วนถือกำเนิดจากความฝันกับจินตนาการ ทรงอำนาจแห่งการจุดประกายความรู้สึก และอารมณ์ขึ้นในใจของผู้พบเห็นนิทรรศการครั้งนี้ เหมือนได้เดินทางสู่ใจกลางอาณาจักรธรรมชาติอันรื่นรมย์ผ่านผลงาน Enchanting Nature แล้วทะยานสู่ท้องฟ้าเบื้องบนอันไกลโพ้น ผลงานสุดพิเศษมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกถึงสามชิ้น คือการสืบทอดขนบธรรมเนียมประดิษฐ-กรรมจักรกลแห่ง Van Cleef & Arpels ซึ่งหลอมรวมความชำนาญชั้นเลิศในการผลิตเครื่องบอกเวลา เข้ากับไหวพริบในการพลิกแพลงทักษะแขนงต่างๆ ทางงานเครื่องประดับอัญมณีไว้ร่วมกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะจักรกล ซึ่งได้รับการออกแบบตามแนวคิด “ดาราจักรศาสตร์นิพนธ์” (Poetic Astronomy) ด้วยการจำลองวิถีแห่งสุริยะจักรวาลลงสู่เวทีอัจฉริยะประดิษฐ์อันสะกดสายตาด้วยลีลานาฏกรรมแห่งดวงดาราบนวงโคจร หรืออีกสองผลงาน ซึ่งต่างนำเสนอความสดใส มีชีวิตชีวาในธรรมชาติได้อย่างละเมียดละไม และเสมือนจริงอย่างที่สุด
Van Cleef & Arpels ยังมีนาฬิกาข้อมือคู่ใหม่จากคอลเลคชั่น Poetic Complications ถือกำเนิดขึ้นโดยอาศัยธรรมเนียมศิลป์จากกลไกลเครื่องประดับซ่อนเวลา เพื่อให้มวลพฤกษาหลากสีสันบนหน้าปัดได้ผลิบานสดใสตลอดวัน การเดินทางสู่ศูนย์กลางอาณาจักรจินตนาการทอดยาวอย่างต่อเนื่องด้วยลีลาอุปรากรชวนฝันผ่านการถ่ายทอดศิลปะนาฏกรรมอย่างอ่อนช้อยลงสู่อีกผลงานอันโดดเด่นเป็นหนึ่งด้วยสัญลักษณ์ทางการออกแบบประจำเมซง นั่นก็คือนาฬิกาข้อมือ Lady Arpels Ballerine Enchantée กระแสธารแห่งกาลเวลาดำเนินรุดหน้าไปตามวิถีอย่างเนิบนาบผ่านประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์และการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
Poetic Complications
คอลเลคชั่นนาฬิกาข้อมือ Poetic Complications เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนสุดวิจิตรบรรจงทางการบอกเวลา ร้อยเรียงความอัศจรรย์ของบรรดาระบบกลไกในงานผลิตนาฬิกาข้อมือ เข้ากับความเลอค่าแห่งมวลวัสดุ และรัตนชาติ โดยอาศัยใช้ไหวพริบพลิกแพลงทักษะความสามารถแขนงต่างๆ ให้มาประจักษ์ต่อสายตาบนหน้าปัด แต่ละผลงานสร้างสรรค์คือบทบรรจบระหว่างนวัตกรรมและงานศึกษาวิจัย อันหลอมรวมลงสู่ความมหัศจรรย์สดใหม่ซึ่งมิอาจแยกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนแบบตีเข็มย้อนกลับหรือ “รีโทรเกรด” (Retrograde movement), หน่วยกลไกบังคับกลีบดอกไม้ให้แย้มบานและหุบปิด ตลอดจนช่องบอกนาทีปรากฏให้เห็นยามไล่สายตาไปตามทางเดินในสวนศรี หรือจับจ้องทุกลีลาอากัปของนางระบำปลายเท้า นอกเหนือจากสมรรถนะชั้นเลิศในเชิงเทคนิค กลไกอันทรงคุณสมบัติเหล่านี้ยังมอบช่วงเวลาล้ำค่าทางอารมณ์ เป็นบทสะท้อนถึงจินตนาการของ Van Cleef & Arpels อย่างแยบคาย
Lady Arpels Heures Florales กับ Lady Arpels Heures Florales Cerisier
“ตอนเราดำเนินโครงการการผลิตนาฬิกาข้อมือ เป้าหมายของเราก็คือการนำกลไกระบบต่างๆ มาใช้บอกเวลาผ่านกระบวนการเคลื่อนไหวอันสละสลวย และงดงามดุจบทกวี และในคราวนี้จะมีลูกเล่นใดเหมาะแก่การทำหน้าที่บทกวีบอกเวลาได้วิจิตรบรรจงไปกว่าจังหวะการผลิบาน และปิดกลีบของมวลดอกไม้?”
นิโคลาส์ บอส, ประธาน และหัวหน้าคณะกรรมการบริหารของ Van Cleef & Arpels
Lady Arpels Heures Florales watch
นาฬิกา “ดงดอกไม้” เลดี อารเปลเซอรส์ฟลอราลส์
กรอบหน้าปัดนาฬิกาขนาด 38 มม. ทำจากทองคำขาวฝังเพชร พื้นหน้าปัดทำจากทองคำขาวร่วมกับทองคำสีกุหลาบ และทองคำเฉดเหลืองรองรับงานปูพื้นแผ่นแม่มุกขาวฝังเพชรเหลือง และเพชรขาวใสร่วมกับงานจิตรกรรมย่อส่วน กลไกขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ (รุ่น Valfleurier Q020) รองรับหน่วยกลไกเปิด/ปิดกลีบดอกไม้เพื่อบอกชั่วโมง มีตำแหน่งแสดงนาฬิกาตรงขอบข้างกรอบหน้าปัด สายคาดทำจากหนังจระเข้
Lady Arpels Heures Florales Cerisier watch
นาฬิกา “ช่อดอกเชอรี” เลดี อารเปลเซอรส์ฟลอราลส์ เซอริซิเอร
กรอบหน้าปัดนาฬิกาขนาด 38 มม. ทำจากทองคำขาวฝังเพชร พื้นหน้าปัดทำจากทองคำสีกุหลาบกับทองคำเฉดเหลืองรองรับงานปูพื้นแผ่นแม่มุกขาวประดับไพลินสีชมพู,เพชรเหลือง และเพชรขาวใสร่วมกับงานจิตรกรรมย่อส่วน กลไกขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ (รุ่น Valfleurier Q020) รองรับหน่วยกลไกเปิด/ปิดกลีบดอกไม้เพื่อบอกชั่วโมง มีตำแหน่งแสดงนาฬิกาตรงขอบข้างกรอบหน้าปัด สายคาดทำจากหนังจระเข้
พฤกษาบอกเวลา
นับตั้งแต่ปี 1906 เมซงอาศัยแรงบันดาลใจจากแนวทางการออกแบบนาฬิกาดอกไม้ที่เรียกว่า Horologium Florae (โฮโรโลเจียม ฟลอแร) ซึ่งคาร์ล วอน ลินเน (Carl von Linné / ชื่อเดิมก่อนได้รับบรรดาศักดิ์คือคาร์ล ลินเนียส) ได้พัฒนาขึ้นระหว่างปี 1748 และมีตีพิมพ์เป็นหลักฐานปรากฏในหนังสือ “ปรัชญารุกขชาติ” หรือ Philosophia Botanica เมื่อปี 1751 จากหลายๆ ภาพประกอบของหนังสือเล่มนี้ จะเห็นได้ว่านักพฤกษศาสตร์สัญชาติสวีดิชผู้นี้ อธิบายถึงสวนสมมุติแบบต่างๆ อันอาศัยหลักการเดียวกับกลุ่มดาวนาฬิกา (กลุ่มดาวลูกตุ้มซึ่งมีชื่อเรียกว่า Horologium เช่นเดียวกัน) มาเทียบเคียงร่วมกับทฤษฎีการคัดสรรพรรณไม้ที่จะผลิดอกบาน และหุบกลีบของตนตามเวลาเฉพาะ โดยจัดตำแหน่งอยู่ในวงกรอบนาฬิกาเพื่อให้ไม้ดอกแต่ละสายพันธุ์เหล่านั้นทำหน้าที่บอกเวลาตามพฤติกรรมธรรมชาติของตน อย่างเช่นดอกแดนดิไลออนจะบานตอนตีห้า หรือบัววิกตอเรียขาวจะบานตอนเจ็ดโมงเช้า และดาวเรืองฝรั่งที่จะหุบกลีบดอกตอนบ่ายสาม หรือฝิ่นประดับ (Iceland poppy) หุบกลีบตอนหนึ่งทุ่ม ส่วนดอกชมจันทร์ หรือดอกไม้จีนจะหุบกลีบตอนสองทุ่ม เป็นต้น
Van Cleef & Arpels นำหลักการเดียวกันนี้มารังสรรค์ขึ้นเป็นผลงานชิ้นใหม่อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนถึงสองรุ่นนั่นก็คือนาฬิกาข้อมือ Lady Arpels Heures Florales กับ Lady Arpels Heures Florales Cerisier เจ้าของหน้าปัดสามมิติซึ่งอาศัยการเคลื่อนไหวของกลีบดอกที่จะหุบปิด และผลิบานอย่างอ่อนช้อยทั้ง 12 ดอกมาเป็นสื่อบอกเวลาอย่างน่าอัศจรรย์ จังหวะสลับเปลี่ยนไปมาเหล่านี้ จะกลายเป็นฉากตระการตาชวนให้พิศวง และติดตามในทุกๆ 60 นาที
“โครงการนาฬิกาดอกไม้ Heures Florales ถือกำเนิดขึ้นจากการเผชิญหน้าระหว่างนักรุกขศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ กับผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือที่มีกลไกพิเศษเหนือธรรมดา อันดับแรกก็คือคาร์ล วอน ลินเน ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากทฤษฎีการแบ่งประเภท และจัดลำดับสายพันธุ์พืช และสัตว์ กับแนวความคิดอันล้ำสมัยอย่างยิ่งในยุคของเขา นั่นก็คือสวนดอกไม้ซึ่งทำหน้าที่เป็นนาฬิกาบอกเวลา อันดับต่อมาก็คือ Van Cleef & Arpels เมซงผู้ผลิตเครื่องประดับ และนาฬิกาข้อมือ ซึ่งสนใจในแนวคิดอันเฉียบขาด และแยบคายของลินเนเกี่ยวกับนาฬิกาบอกเวลาโดยอาศัยการหลอมรวมอาณาจักรแห่งศิลปะ และวิทยาศาสตร์เข้าไว้ในพรมแดนเดียวกัน”
นิโคลาส์ บอส, ประธาน และหัวหน้าคณะกรรมการบริหารของ Van Cleef & Arpels
ไหวพริบอันเป็นเลิศในเชิง ทักษะแขนงต่างๆ ทางการผลิตนาฬิกาข้อมือ
เพื่อให้การเคลื่อนไหวบนหน้าปัดมีความสมจริงตามวิถีธรรมชาติ องค์ประกอบจำนวนถึง 166 ชิ้นส่วนได้รับการติดตั้งระบบควบคุม และขับเคลื่อนโดยอาศัยหน่วยกลไกหลัก ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นจากทีมช่างฝีมือประจำแผนกห้องปฏิบัติการงานผลิตนาฬิกาข้อมือของเมซงในนครเจนีวา แต่ละกลีบของมวลดอกไม้ในสวนศรีบนหน้าปัด ล้วนได้รับการประกบลงวงกลีบ และเชื่อมต่อเข้ากับระบบกลไกของนาฬิกา อันจำเป็นต้องอาศัยความละเอียดอ่อน พิถีพิถันเป็นอย่างสูงระหว่างประกอบชิ้นส่วนทั้งหลาย โจทย์ท้าทายในเชิงเทคนิคงานประกอบชิ้นส่วนจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ก้าวไปสู่ผลลัพธ์แห่งความครบถ้วน สมบูรณ์แบบด้วยการใช้กลไกขับเคลื่อนระบบคำนวณเวลาอันแม่นยำ เพื่อมั่นใจได้ว่าดอกไม้จะดำเนินกระบวนการผลิกลีบแย้มบานสามลำดับ ซึ่งย่อมหมายความว่า แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป จะมีดอกไม้ซึ่งคลี่กลีบอยู่เริ่มทำการหุบกลีบเป็นกลุ่มช่อ ก่อภาพดอกตูมสลับดอกบานบนหน้าปัดในรูปแบบใหม่ๆ ไม่เหมือนกัน และในวันรุ่งขึ้น ลำดับของช่อดอกไม้ที่ผลิบานบอกเวลาก็จะสับเปลี่ยนเวียนกันไปจากชั่วโมงหนึ่งถึงอีกชั่วโมง สร้างความพิศวง และรื่นรมย์สายตายามตรวจดูเวลาซึ่งปรากฏขึ้นระหว่างกลุ่มดอกตูมกับกลุ่มดอกบาน เพื่อเติมเต็มความครบครันในงานบอกเวลา ช่องระบุนาทีที่อาศัยระบบตีเข็มย้อนกลับ หรือเรโทเกรด (Retrograde) นั้น ได้รับการติดตั้งไว้บนขอบข้างของกรอบตัวเรือน
กวีรจนาจากงานฝีมือ
นาฬิกาข้อมือ “ดงดอกไม้” Lady Arpels Heures Florales (เลดี อารเปลเซอรส์ฟลอราลส์) และ “ช่อดอกเชอร์รี” Lady Arpels Heures Florales Cerisier (เลดี อารเปลเซอรส์ฟลอราลส์ เซอริซิเอร) ต่างสะกดทุกสายตาด้วยความวิจิตรตระการตาของสวนรัตนชาติภายในกรอบหน้าปัดขนาด 38 มม. ทำจากทองคำขาว และทองคำสีกุหลาบตามลำดับ ผลงานรุ่นทองคำขาวจำแลงบรรยากาศคิมหันตกาลผ่านลีลาอ่อนโยนของดอกไม้ใบไม้สีน้ำเงิน และสีเขียวหลากเฉดตัดกับพื้นสีขาวของแผ่นแม่มุกมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ลอย่างละเมียดละไม ในขณะที่เครื่องบอกเวลาตัวเรือนทองคำสีกุหลาบลำดับสองนั้น อาศัยงานออกแบบเดียวกัน หากเต็มไปด้วยความอบอุ่น อ่อนหวานของบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิ ปีกบอบบางสีฟ้าสดของผีเสื้อ อันถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการออกแบบของ Van Cleef & Arpels ดูคล้ายกำลังขยับกระพืออยู่ระหว่างวงกลีบดอกสีชมพู และสีแดง อันร่วมกันทวีความโดดเด่นให้แก่รายละเอียดนูนต่ำบนหน้าปัดนาฬิกา
บนแต่ละหน้าปัดรองรับงานตกแต่งด้วยองค์ประกอบไม่น้อยกว่า 226 ชิ้นส่วน ซึ่งถือเป็นการระดมทักษะงานฝีมือต่างแขนงมาสู่แผนกปฏิบัติการงานผลิตนาฬิกาข้อมือ ที่กรุงเจนีวาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรมย่อส่วนรูปผีเสื้อ และดอกไม้, กิ่งก้านประติมากรรมทองคำ และปุยเมฆประติมากรรมแม่มุก โดยอาศัยงานฝังเพชรขาวใสสลับเพชรเหลืองเคียงกันช่วยทวีความโดดเด่นทางรายละเอียดได้อย่างอ่อนช้อย
ส่วนแผ่นประกบหลังกรอบตัวเรือนทำจากทองคำสลักลวดลายเพื่อมอบความต่อเนื่องจากงานตกแต่งบนหน้าปัด ขณะเดียวกับที่แผ่นจานเหวี่ยง อันเป็นฟันเฟืองสำคัญของกลไกขับเคลื่อนทำจากทองคำสลักลายตารางไขว้รัศมีตะวันซึ่งเรียกว่า guilloché (กวิโญเช) ร่วมกับงานจิตรกรรมย่อส่วนเผยความงามให้ประจักษ์ต่อสายตาอย่างชัดเจนภายใต้แผ่นแก้วไพลิน (sapphire glass) ใสกระจ่าง ซึ่งตกแต่งด้วยงานแกะสลัก และลงยาสีเคลือบเงาเป็นรูปแมลงปีกตัวน้อยอย่างแมลงปอ หรือผีเสื้อ ความใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งหมดนี้ ทำให้ผลงานสร้างสรรค์ทั้งสองรุ่นเต็มไปด้วยความสละสลวย วิจิตรบรรจงดุจบทกวีบอกเวลาที่ผ่านการรจนาขึ้นตามจังหวะชีวิตของธรรมชาติในสวนศรีของ Van Cleef & Arpels
สาวๆ ที่สนใจนาฬิกาข้อมือคอลเลคชั่นใหม่ Poetic Complications ก็ไปเยี่ยมชมกันได้ที่ Van Cleef & Arpels บอกเลยว่าสวยเลอค่ามากๆ ดอกไม้บนหน้าปัดหุบและบานเองได้ ตามเวลาของดอกไม้จริงค่าาา เป็นงานศิลปะที่บอกเวลาได้จริง ใครเป็นแฟนนาฬิกาประเภทจิวเวลรี่ต้องไปลองค่ะ ใส่แล้วสวยแน่นอน~