ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Dior Rose Gallery ที่ได้จำลองบ้านและสวนของ Mr. Dior ณ เมือง Granville นอร์มองดี มาไว้ที่ Park Hyatt กรุงเทพ ณ บ้านแห่งนี้เป็นจุดกำเนิดกุหลาบ Rose de Granville ซึ่งปลูกอยู่บนเชิงผา เติบโตท่ามกลางไอเกลือจากทะเลและลมกรรโชก แต่เบ่งบานเหมือนมีพลังชีวิตสูง ส่งต่อให้ผิวของสาวก Dior บรรยากาศภายในงานจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยค่าาาา
ที่สุดแห่งความมหัศจรรย์ของส่วนผสมจากธรรมชาติ สู่คุณค่ากุหลาบ Rose de Granville การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์แห่ง Dior Science สู่ความงามบทใหม่อันเปี่ยมด้วยพลังแห่งการฟื้นบำรุง หลอมรวมความมหัศจรรย์จากดอกกุหลาบ เอกสิทธ์จาก Dior ด้วยนวัตกรรม Age Reverse ที่สามารถฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก
กุหลาบ Rose de Granville เอกสิทธิ์เฉพาะ จาก Dior
ความหลงใหลในดอกกุหลาบของ มร.คริสเตียน ดิออร์ มีมายาวนานก่อนแฟชั่นจะถือกำเนิดขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้น ณ แคว้นนอร์มังดี Diorได้พบกับกุหลาบเชิงผาที่มีพลังชีวิตสูงกว่ากุหลาบรุ่นคลาสสิคทั่วไป แม้จะเติบโตท่ามกลางไอเกลือจากทะเลและลมกรรโชก โหมกระหน่ำ ก็ยังสามารถเบ่งบานได้ถึงปีละสองครั้ง เป็นที่มาของ Rose de Granville ส่วนผสมหัวใจหลักในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dior Prestige ที่สามารถน้ำมาสกัดตั้งแต่ก้าน ลำต้น กลีบดอกกุหลาบ จนถึงผล คือกุหลาบเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกคัดมาจาก 40,000 ชนิด
โดยแผนกวิทยาศาสตร์ของDior ได้คิดค้นกระบวนการสกัดสารจากแต่ละส่วนของดอกกุหลาบให้เหมาะสมที่สุด อาทิ cryo-extract สารบำรุง เพื่อมอบความชุ่มชื้นทรงประสิทธิภาพแก่ผิวชั้นนอกได้ดียิ่งขึ้น
- thermo-extract สกัดสารบำรุงจากส่วนผล มีอานุภาพสูงกว่าวิตามินซีหลายเท่าในด้านการสังเคราะห์คอลลาเจนชนิดที่ 1
- สารสกัด bio-enzymatic จากน้ำเลี้ยง ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าไนอาซินาไมด์และวิตามินซีหลายเท่า
ROSAPEPTIDE หัวใจหลักแห่งส่วนผสมจากกุหลาบทรงเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นอกจากกระบวนการสกัดที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งสารออกฤทธิ์ทรงประสิทธิภาพจากกลีบดอกกุหลาบ Rose de Granville ที่เพิ่งผ่านขั้นตอนการเก็บเกี่ยว นำมาผ่านการสกัดเย็นในสวนโดยตรงด้วยเครื่องสกัดในแบบ Electromagnetic Waves หรือการผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและเครื่องปั่นเหวี่ยงในห้องปฏิบัติการ จนสามารถแยกโมเลกุลทั้ง 88 ชนิดออกมาได้
หลังจากนั้นบรรดาโมเลกุลจะถูกนำไปผสมผสานกับน้ำเลี้ยงและเปปไทด์ 2 ชนิด ก่อกำเนิดเป็น ‘Rosapeptide’ สารสกัดเข้มข้นและบริสุทธิ์ระดับสูง สามารถฟื้นบำรุงผิวได้ลึกถึง 3 ชั้น ช่วยส่งเสริมกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว การสังเคราะห์ลิพิด และเซราไมด์บนผิวชั้นนอก ทำให้รูสึกผิวแข็งแรง รู้สึกแน่นกระชับขึ้น ราวกับย้อนอายุให้ใบหน้าได้หลายปี
แห่งเดียวในโลก สวนกุหลาบ Dior Rose Garden
แน่นอนว่าดอกผลที่ผลิบานงดงามย่อมเกิดจากรากฐานที่มั่นคงแข็งแรง Rose de Granville ได้รับการเพาะปลูกในสวนที่ตั้งอยู่บนลุ่มน้ำ Granville อุดมไปด้วยพุ่มกุหลาบถึง 32,000 พุ่ม และภายในปี 2023 ดิออร์ตั้งใจให้มีมากกว่า 50,000 พุ่ม บนพื้นที่กว่า 20 แปลงแห่งนี้ถือเป็นจุดศูนย์รวมของความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ทำลายผืนดินตามธรรมชาติ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ Age Reverse
ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ดิออร์เป็นผู้บุกเบิกเรื่อง inflamed aging การชะลอสัญญาณแห่งวัยของผิวที่เกิดจากการรุกรานภายนอก และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่แผนกวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า Dior Prestige La Crème คือ Intensive Repairing Creme ที่ไม่เพียงแค่ชะลอริ้วรอยแห่งวัย แต่ยังสามารถย้อนกลับสัญญาณเหล่านั้นได้ในผิวทั้ง 3 ชั้น
ส่วนผสมเอกสิทธิ์ของดิออร์อย่าง Rosapeptide คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การขยายพรมแดนใหม่แห่งการชะลอวัย เนื่องจากสารออกฤทธิ์นี้สามารถฟื้นฟูโครงสร้างและลักษณะของผิวให้ดูอ่อนวัยในทุกชั้น โดยสามารถวัดค่าได้จากตัวบ่งชี้ทางชีวภาพถึง 8 ชนิด อันได้แก่ ลิพิด, เซราไมด์, loricrin, อควาพอริน 3, Ki67 (การแบ่งตัวเพิ่มจำนวน), คอลลาเจนชนิดที่ 1, คอลลาเจนชนิดที่ 7 และกรดไฮยาลูรอนิก
ความรื่นรมย์ทางประสาทสัมผัส
นอกเหนือจากเทคโนโลยีล้ำสมัย และส่วนผสมล้ำค่าจากราชินีแห่งดอกไม้ Dior Prestige La Crème ยังสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสูตรตำรับจากดิออร์ ผ่านกระบวนการจำเป็น 6 ขั้นตอนและอุณหภูมิถึง 6 ระดับ เกิดเป็นเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มมอบผิวสมดุล เมื่อเกลี่ยแล้วสามารถคลี่กระจายตัวลงซึมซาบบำรุงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกเหนือจากเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ ยังได้ผสานเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของดิออร์ Sub-Filler เพื่อช่วยกักเก็บน้ำในผิว ให้ผิวแลดูกระชับและอิ่มเอิบขึ้นในทันที รวมทั้งยังมาพร้อมกลิ่นหอมสุดรื่นรมย์จาก กลิ่นหอมเอกลักษณ์ใน Intensive Repairing Creme ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความผ่อนคลายระหว่างปรนนิบัติผิวโดยเฉพาะ
การเปลี่ยนแปลงสู่การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
การใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยแก้วและกระดาษแข็งคิดเป็น 83% ของบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด การเปลี่ยนจากการทำเครื่องหมายด้วยสีทองเมทัลลิคด้วยวิธี Hot Stamping เป็นการพิมพ์ด้วยหมึกออร์แกนิกสีดำนั้นช่วยเพิ่มความสามารถในการรีไซเคิลของกระปุกแก้ว และช่วยจำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการพิมพ์ ขณะเดียวกัน กล่องของ La Crème ยังประกอบด้วยกระดาษแข็งรีไซเคิล 100% และกระดาษ FSCTM แผ่นพับกระดาษถูกนำออกและแทนที่ด้วย QR Code
สาวๆ ที่สนใจก็ไปสัมผัสกับ Dior Prestige La Crème ได้ที่ Dior ทุกสาขา มีขนาด 50ml ราคา 15,000 บาท เนื้อครีมมีด้วยกัน 2 แบบ สามารถเลือกได้ตามสภาพผิว หรือตามความชอบเลยค่ะ ถ้ายังเลือกไม่ถูกก็ปรึกษาพนักงานได้เลย รับรองว่าจะต้องชอบแน่นอน Dior Prestige La Crème จะเริ่มวางจำหน่ายที่เคาน์เตอร์ Dior ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ค่าาา วางขายเมื่อไรสาวก Dior จัดไป!