เฉดสีมีมากมายหลายเฉด ส่วนใหญ่แล้วชื่อของสีจะเทียบเคียงกับสีของสิ่งต่างๆในธรรมชาติ โดยเฉพาะชื่อดอกไม้/ใบไม้ที่ถูกเอามาตั้งเป็นชื่อสีเยอะที่สุด วันนี้เฟียร์ซจะพาสาวๆมาเรียนภาษาไทยกัน มาดูกันสิว่าชื่อสีต่างๆ บรรพบุรุษของเราเอามาจากไหน ทำไมถึงเรียกว่าสีนี้ว่าอย่างนี้ จะมีสีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
1. สีกรมท่า
สีกรมท่าคือสีน้ำเงินเข้ม เรียกตามสีเครื่องแบบของข้าราชการกรมท่าในอดีต จริงๆแล้วสีกรมท่าคือสี Navy blue ซึ่งเป็นสีประจำกองทัพเรือสหราชอาณาจักร (British Royal Navy) ตั้งแต่ปี 1748 และสีนี้ก็เผยแพร่ไปสู่กองทัพเรือของประเทศอื่น ในที่สุดก็เดินทางมาถึงกรมเจ้าท่า ประเทศสยาม ในสังกัดกรมพระคลัง สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมากรมเจ้าท่าได้ดูแลในเรื่องการทูต เพราะต้องติดต่อกับชาวต่างชาติที่นั่งเรือมา จึงย้ายไปอยู่สังกัดกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และย้ายสังกัดเรื่อยมา ปัจจุบันอยู่ในสังกัดกระทรวงคมนาคมค่ะ
ภาพแสดงถึงภารกิจของกรมท่าในสมัยก่อน
Image source : www.md.go.th
ชุดข้าราชการตำรวจในสมัยก่อน ถ้าเป็นของกรมท่าจะนุ่งโจงสีกรมท่าค่ะ
Image source : teakdoor.com
2. สีกากี
สีกากีคือสีน้ำตาลอมเหลือง ถ้าเทียบเคียงกับปัจจุบันก็คือสีเบจค่ะ กากีเป็นคำยืมมาภาษาฮินดีอูรดูและภาษาอูรดู ในทั้งสองภาษานี้มีความหมายว่าสีของดิน ในภาษาเปอร์เซียมีความหมายว่าดิน ซึ่งอังกฤษรับคำว่า Khaki มาจากอินเดียสมัยล่าอาณานิคม และถูกนำมาตั้งเป็นชื่อสีเครื่องแบบของกองทัพอังกฤษตั้งแต่ 1848 ในประเทศอื่นๆก็นิยมใช้ชุดสีกากีเป็นชุดทหารและชุดพราง ประเทศไทยเราก็ใช้เป็นสีชุดข้าราชการค่ะ
ทหารกองทัพบริติชอินเดียในเครื่องแบบสีกากี
Image source : th.wikipedia.org/wiki/สีกากี
ชุดนักเรียนนายเรือประเทศฟิลิปปินส์ก็ใช้สีกากี
Image source : en.wikipedia.org/wiki/Khaki
นายกรัฐมนตรีและคณะฯ ในชุดข้าราชการสีกากีค่ะ
Image source : www.siamrath.co.th
3. สีโอรส
สีโอรสคือสีส้มอ่อน เทียบเคียงได้กับสี Peach หรือ Coral ชื่อสีโอรสมาจากคำภาษาอังกฤษที่ว่า Old rose ออกเสียงในภาษาไทยว่าโอลด์โรส กร่อนคำไปมาจนกลายเป็นโอรสในที่สุดค่ะ สีโอรสนี้ก็มาจากสีของดอกกุหลาบที่เก่าแล้ว กลีบจะเริ่มมีสีหม่นๆไม่สดใส ถ้าลองค้นหาใน google ดูจะพบว่าสี Old rose ของไทยกับของฝรั่งไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเวลาคุณกับชาวต่างชาติต้องเทียบสีให้เป๊ะนะคะ
โทนสี Peach, Coral และ Old rose ของฝรั่ง
ซึ่งสี Peach เป็นสีที่ใกล้เคียงกับสีโอรสไทยที่สุดค่ะ
ดอกกุหลาบสีโอรสไทย และดอกกุหลาบสี Old rose ค่ะ
Image source : www.pinterest.com | www.pinterest.com
4. สีขาบ
สีขาบคือสีน้ำเงินเข้มอมม่วงนิดๆ อย่างสีน้ำเงินที่ใช้บนธงชาติไทย ซึ่งหมายถึงพระมหากษัตริย์ สันนิษฐานว่าชื่อสี “ขาบ” มาจากสีปีกของนกตะขาบ ที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ฝั่งอันดามัน สีขาบถูกใช้ในงานศิลปะไทยมากมาย เช่น กระเบื้องของเจดีย์ประจำพระองค์รัชกาลที่ 4 ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารค่ะ
ธงชาติไทย
Image source : www.mnre.go.th
นกตะขาบ
Image source : th.wikipedia.org/wiki/นกตะขาบทุ่ง
เจดีย์ประจำพระองค์รัชกาลที่ 4 ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาบค่ะ
Image source : slideplayer.in.th
5. สีแดงชาด
สีแดงชาดคือแดงสด หรือ Crimson red ชาดเป็นผงสีแดงชนิดหนึ่ง มาจากแร่ธาตุซินนาบาร์ (Cinnabar) ใช้สำหรับเขียนหรือตีตราสิ่งต่างๆ สมัยก่อนยังนำมาทำยาไทยได้อีกด้วย ชาดมีสีแดงสดทำให้เราเรียกสีแดงเฉดนี้ว่า “แดงชาด” ชาดในไทยเดินทางมาจากประเทศจีน ชาวจีนมักใช้เขียนฮู้ และนำมาผสมกับน้ำมันเพื่อใช้สำหรับประทับตราต่างๆ ในเวลาต่อมามีตลับหมึกสำเร็จรูปแล้ว แต่คนไทยก็ยังคงเรียกติดปากว่าตลับชาด แม้ตลับหมึกจะไม่ได้มีแค่สีแดงแล้วก็ตามค่ะ
แร่ธาตุซินนาบาร์และผงชาด
Image source : www.mining-technology.com | th.globals.business/item.html
ตลับชาด
Image source : www.eofficethailand.com
6. สีเขียวไข่กา
สีเขียวไข่กาคือสีเขียวอ่อนอมคราม ชื่อสีก็ตรงตัวเลยค่ะ มาจากสีของไข่อีกา ที่จะออกเขียวอ่อนๆ และมีลายจุดสีน้ำตาลปน (แบบไข่นกกระทา) สิ่งของสีเขียวไข่กาที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็คือเครื่องเคลือบ หรือ “เครื่องสังคโลก” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Celadon ต่อมาถูกทำให้เป็นคำไทยว่า “ศิลาดล” เป็นเครื่องปั้นดินเผาชนิดหนึ่ง ที่จะเคลือบดินผสมขี้เถ้าไม้ก่อและไม้รกฟ้า เมื่อนำไปเผาแล้วก็จะได้สีเขียวแบบเขียวไข่กา เทคนิคนี้ไทยเรียนรู้มาจากจีนตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้วค่ะ
อีกาและไข่ของอีกาค่ะ
Image source : en.wikipedia.org/wiki/Jungle_crow | commons.wikimedia.org
เครื่องเคลือบโบราณสีเขียวไข่กา
Image source : en.wikipedia.org/wiki/Celadon
กาน้ำชาและปิ่นโตสีเขียวไข่กาค่ะ
Image source : auctiong.uamulet.com | www.thaiscooter.com
7. สีดอกเลา
สีดอกเลาคือสีขาวอมเทา “เลา” เป็นต้นหญ้าชนิดหนึ่งมีอายุยืนหลายปี ดอกของต้นเลาจะบานในช่วงฤดูร้อน ทุ่งดอกเลายอดฮิตที่นักท่องเที่ยวชอบไปอยู่ที่ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย สีดอกเลามักใช้เป็นคำเปรียบเทียบกับคนที่มีผมสีขาวอมเทาทั้งหัว เรียกว่าผมสีดอกเลาค่ะ
ทุ่งดอกเลาค่ะ
Image source : commons.wikimedia.org
Jamie Lee Curtis นักแสดงที่มีผมสีดอกเลา
Image source : www.zimbio.com | www.wigsmart.co.uk
8. สีม่วงดอกรัก
สีม่วงดอกรักมีลักษณะเป็นสีม่วงอ่อนๆ มาจากต้นดอกรักสีม่วง หลายคนคงเคยเห็นดอกรักที่เป็นสีขาว จริงๆแล้วสีม่วงก็มีนะคะ ต้นรักเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก พบได้ทั่วไปในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา อินเดีย และจีน ชื่อ “รัก” มาจากภาษาอินเดียที่ว่า “อรัก” ต่อมาถูกกร่อนเป็นรักเฉยๆค่ะ ดอกรักนิยมนำมาร้อยมาลัยใช้ในงานมงคล เช่น งานแต่งงาน เพราะพ้องความหมายกับคำว่าความรักนั่นเองค่า~
ดอกรักสีม่วงค่ะ
Image source : en.wikipedia.org/wiki/Calotropis_gigantea | www.nanagarden.com
พวงมาลัยดอกรัก
Image source : th.wikipedia.org/wiki/รัก_(ไม้พุ่ม)
ทีนี้ก็รู้ที่มาที่ไปของชื่อสีแล้วนะคะ แต่ละชื่อไม่ได้ตั้งขึ้นมามั่วๆ สวยๆ แต่มีที่มาที่ไป ซึ่งพอได้ลองค้นหาข้อมูลดูแล้วมันสนุกมาก ยังมีคำอื่นที่เรายังไม่รู้ที่มาที่ไปอีกเพียบ ว่างๆลองศึกษาหาข้อมูลดูนะคะสาวเฟียร์ซ เพลินยิ่งกว่าอ่านนิทานอีกค่า~