เริ่มจากที่ตั้งของร้านก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย เพราะตั้งอยู่ใน “Yodpiman Riverwalk” หรือ “ตลาดยอดพิมาน” ตัวร้านจะอยู่ในสุดฝั่งซ้ายค่ะ เดินทางก็ง๊ายง่าย มาได้ทั้งรถยนต์ รถประจำทาง โอ๊ยย ไหนจะเรือด่วนเจ้าพระยาอีก สะดวกสุดๆค่ะ!

เดินเข้ามาในร้านจะมีทั้งหมด 4 ชั้นค่ะ ชั้นแรกเป็นครัวที่ดีไซน์แบบเปิดให้เราเห็นความสะอาดและกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบ Step by step เลยล่ะค่ะ ส่วนทางเข้าร้านจะอยู่ที่ชั้นสอง พอเดินเข้ามาปุ๊ปเป็นอันต้องค้างค่ะ! เหรยย~ วิวแบบ Panorama สวยมากก! เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาวไปเหมือนไม่สิ้นสุด มองไปเรื่อยๆก็เจอพระปรางค์วัดอรุณ ไหนจะทั้งเรือเล็กใหญ่วิ่งกันไปมาอีก ให้อารมณ์วิถีชิวิตไทยสุดๆ รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังไทยสมัยก่อนเลยล่ะค่ะ ส่วนที่นั่งก็มีทั้งในตัวอาคารและด้านนอกที่อยู่ติดริมแม่น้ำ นั่งรับลมเย็นๆชิลๆกันไป

เดินต่อขึ้นบันไดมาชั้นสามจะเป็นส่วนบาร์ค่ะ มีที่นั่งยาวริมระเบียงให้ดื่มไปชมวิวยามค่ำคืนไป หรือจะเป็นโซฟาด้านนอกก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ สุดท้ายชั้นบนสุดจะเป็นโซน Private ค่ะ ไว้สำหรับลูกค้าที่จองล่วงหน้าเท่านั้น

หลังจากเดินสำรวจร้านกันจนทั่วแล้ว ก็ถึงเวลามานั่งที่โต๊ะแล้วค่ะ มองดูบนโต๊ะมีจาน ช้อน ซ้อม มีด ผ้ากันเปื้อนผูกด้วยเชือกตกแต่งพริกแห้งสวยงาม เอาล่ะค่ะ! เมื่อท้องร้องแล้ว เอ้ย! อาวุธพร้อมแล้ว ก็ไปลุยกันเลยดีกว่าค่าา

เมนู 1 : สลัดปลาหมึก

เริ่มกันที่เมนูแรก สลัดปลาหมึกค่ะ พอพูดถึงสลัด เอ๊ะ! นี่มันอาหารไทยยังไงเนี่ย แต่พอเอามาเสริฟเท่านั้นแหละ ก็เข้าใจเลยล่ะค่ะ เพราะสลัดจานนี้จะประกอบไปด้วยผัก 2 แบบด้วยกัน นั่นคือผักยุโรปและผักพื้นบ้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใบบัวบก กวางตุ้ง และน้ำสลัดก็เป็นสไตล์ไทย ได้รสชาติของน้ำตาลปีป มะขามเปียก เปรี้ยวๆหวานๆ และกลิ่นหอมของตะไคร้ เรียกว่าเป็นลูกครึ่งหน้ายุโรปรสไทยเลยล่ะค่า (ราคา 260 บาท)

 

เมนู 2 : ลาบซี่โครงหมูย่าง

จานถัดมาเป็น ลาบซี่โครงหมูย่าง สุดอลังการ ซี่โครงหมูชิ้นใหญ่เสริฟมาบนเขียงไม้ตกแต่งอย่างสวยงาม จนอดไม่ได้ที่ต้องหยิบกล้องขึ้นมาแช๊ะแล้วอัพลงโซเชียลซะหน่อย ส่วนรสชาติและกรรมวิธีก็อลังไม่แพ้หน้าตาเช่นกันค่ะ กับเทคนิคที่นำซี่โครงมาหมักก่อนเข้าเครื่ืองซูวี (Sous-vide) แบบใน Iron Chef เลยล่ะค่ะ โดยจะเสริฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่วรสชาติเข้มข้นแบบที่เราคุ้นเคย เป็นอีกจานที่มาแล้วต้องลองค่ะ! (ราคา 420 บาท)

เมนู 3 : แกงมัสมั่นแกะ

มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง~ เห็นหน้าตาแกงมัสมั่นจานนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องร้องกาพย์เห่นี้ขึ้นมา เพราะสีแซ่บร้อนแรงมาก! จานนี้เชฟบอกต้องสั่งเพราะวัตถุดิบดีมาก ทั้งขาแกะที่นำเข้าจากยาร์ร่า วัลเลย์ หมู่บ้านเลี้ยงแกะโดยเฉพาะของประเทศออสเตรเลีย เอามาปรุงกับซอสมัสมั่นสุดพิธีพิถันที่ทางร้านทำเครื่องแกงเองอีกต่างหาก! กินเข้าไปคำแรกน้ำตาจะไหลค่ะ! อยากบอกว่าอร่อยมากกก (เป็นไปได้อยากรัวก.ไก่สักสองบรรทัด555) รสชาติถึงเครื่องแกง เข้มข้นสุดๆ เนื้อแกะก็นุ่ม ได้กลิ่นหอมของแท่งซินนามอนหรืออบเชยจุดไฟด้วย อร่อยคูณสองไปเลยค่า (ราคา 720++)

เมนู 4 : ยำเนื้อออสเตรเลีย

เนื้อส่วน Ribeye ที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย นำมาคลุกเคล้ากับน้ำยำสูตรของทางร้าน ที่มีทั้งเครื่องเทศและผัก แซ่บแบบไทยๆค่ะสำหรับจานนี้ ตกแต่งมาบนผักดูแล้วน่าทานค่ะ

(ราคา 290 บาท)

กินคาวกันไปแล้วจะไม่กินหวานต่อกันได้ยังไง จริงมั้ยคะสาวๆ~ ทางร้านบอกขอเสนอขนมหวานที่เรียกว่าเป็น Signature ตัวหนึ่งเลยนั่นก็คือ พานาคอตต้ามะพร้าวอ่อน นั่นเองจ้าา! อย่างที่รู้ๆกันว่าพานาคอตต้าเป็นขนมสัญชาติอิตาเลียน ที่มีส่วนผสมของครีม เจลาติน และนม ดูยังไง๊ยังไงก็มารวมกับขนมไทยไม่ได้ แต่ที่นี่สามารถค่ะ! โดยนำมาดัดแปลงด้วยการเพิ่มส่วนผสมอย่างกะทิจากสมุทรสาครที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในไทย และตกแต่งหน้าด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน รสชาติออกเค็มๆหวานนิดๆแบบกะทิไทย บอกเลยว่าอร่อยลืมมม!

ปิดฉากกันไปแล้วกับความอร่อยพร้อมบรรยากาศดีๆที่เฟียร์ซเอามาฝากในวันนี้ เป็นยังไงกันบ้างคะ ได้ครบทั้งรสชาติอร่อยแบบไทยไม่อินเตอร์ ปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบที่รับรองได้ว่าดีที่สุด! โดยไม่ต้องกลัวว่าจะคุ้มค่ากับราคามั้ยเลยล่ะค่ะ อีกทั้งบรรยากาศสุดโรแมนติก ชมวิถีชิวิตริมแม่น้ำและพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า หรือแสงสียามค่ำคืนจากวัดวาอารามก็ดี สาวเฟียร์ซคนไหนที่กำลังมองหาร้านโดนๆแบบนี้ไว้เดทหรือแฮงค์เอ้าท์กับเดอะแก๊งค์ ขอแนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ เฟียร์ซรับรอง! มาแล้วไม่ผิดหวังจริงๆจร้าาา~

Location:

ยอดพิมานริเวอร์วอร์ค ถนนอัษฏางค์ วังบูรพาภิรมย์ พระนคร กรุงเทพฯ 10200

เวลาเปิด : 11.00 – 23.00 น. (Bar 21.00 – 01.00 น.)

Contact info:

Facebook: Mango Tree on the River

Instagram: mangotreeontheriver

Phone: 0-2110-0819-20

Website: http://www.mangotreerestaurants.com