เออ (Err Urban Rustic Thai) ร้านอาหารไทยโบราณสุดฮิปแห่งใหม่ย่านพระนครที่หยิบยกเอาความดั้งเดิมจากในตำราอาหารโบราณมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ในขนาดกะทัดรัด ทานได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี จนได้รับการขนานนามจากไทเลอร์ บรูเล่ บรรณาธิการนิตยสารโมโนเคิลและผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชนและการโฆษณาชื่อดังระดับโลก ว่าเป็นร้านอาหารไทยในสไตล์ “ไทยอิซากาย่า” โดยร้านแห่งนี้เป็นร้านอาหารในเครือโบ.ลาน (Bo.Lan)
ร้านอาหารไทยพรีเมี่ยมที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 50 สุดยอดร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย จากการจัดอันดับของ The World’s 50 Best Restaurants Academy ของ เชฟโบ – ดวงพร ทรงวิศวะ และ เชฟดีแลน โจนส์ (Dylan Jones) โดยครั้งนี้ทั้งคู่ได้สร้างสรรค์ร้านใหม่ที่มีความสนุกสนานและเป็นกันเองมากขึ้น เหมือนกับชื่อร้าน “เออ” ที่เป็นคำตอบรับในภาษาไทยที่มักใช้กันในหมู่คนสนิท ซึ่งสอดคล้องกับบรรยากาศของร้านที่นำเสนอความขี้เล่น เป็นกันเอง ทั้งการบริการและการตกแต่ง
เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ และ เชฟดีแลน โจนส์
การตกแต่งของร้านเป็นการนำห้องแถวย่านเมืองเก่ามาสร้างสรรค์ใหม่ในบรรยากาศแบบไทยๆ ที่ผสมผสานความเรียบง่ายแบบชนบทและความสนุกสนานที่คนไทยคุ้นเคยเอาไว้ได้อย่างลงตัวในสไตล์โมเดิร์นวินเทจ โดยใช้สีฟ้าน้ำทะเลที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองมาเป็นสีโทนหลักของร้านซึ่งตัดกับงานอิฐและปูนเปลือยบนผนังกำแพงที่ให้ความรู้สึกเท่ได้อย่างสวยงาม
พร้อมเพิ่มความย้อนยุคด้วยงานไม้อย่างโต๊ะ เก้าอี้ และประตู เติมเต็มมนต์เสน่ห์ของความเป็นไทยด้วยภาพโปสเตอร์แปลกตาจากนิตยสารไทยสมัยก่อน รวมถึงถ้วยชามสังกะสี ตู้กับข้าวหลังโตแบบโบราณ และชะลอมที่หาได้ยากในสมัยนี้ อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นบนผนังด้วยภาพวาดกราฟฟิตี้สีสันฉูดฉาดและเรื่องราวของวิถีชีวิตชนบท
และใส่ความสนุกสนานยิ่งขึ้น ด้วยของเล่นในวัยเด็กอย่าง ตู้ไข่ยอดเหรียญ น้ำเต้าปูปลา และหม้อไหต่างๆ ที่ชวนให้นึกย้อนกลับไปสมัยยังวันวานอีกครั้ง โดยพื้นที่ของร้านนั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่
1. บริเวณด้านในร้านที่ประดับประดาด้วยหมอนอิง ช่วยให้นั่งอิงหลังได้อย่างสบาย
2. บริเวณบาร์เครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง
3. บริเวณด้านหน้าร้านที่สามารถนั่งชิลล์กับก๊วนแก๊งค์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดของร้านสามารถรองรับแขกได้กว่า 40 คน
สไตล์อาหารของร้านจะเน้นอาหารทานเล่นหรือกับแกล้มที่ทานได้ง่าย สามารถทานคู่กับค็อกเทลที่ใช้เหล้าไทยเป็นส่วนผสมหลักได้ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากสไตล์อาหารของร้านโบ.ลานที่เป็นอาหารชุดสำรับ แม้ว่าสไตล์อาหารของทั้งสองร้านนั้นจะแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ยังคงรักษาไว้ คือ คุณภาพของอาหารที่มีรสชาติแบบไทยแท้ดั้งเดิม และการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมของไทยไม่ว่าจะเป็นผักเกษตรอินทรีย์ 100% ไข่ออร์แกนิกและข้าวหอมมะลิออร์แกนิกจาก Farmers’ Friend เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์แบบยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรไทย นอกจากนั้นเรายังใส่ใจในเรื่องของเครื่องปรุงที่เป็นหัวใจของการทำอาหาร อาทิ กะปิ เครื่องแกงต่างๆ ที่ทางร้านได้ทำขึ้นเองอย่างพิถีพิถัน
เมนูอาหารของร้านนั้นมีให้เลือกกว่า 40 รายการ ซึ่งแบ่งเป็น 9 ประเภทตามลักษณะการทำอาทิ ถนอมไว้ซึ่ง (Preserved) เป็นอาหารประเภทหมักจำพวก ไส้กรอก แหนม หมูแดดเดียว ที่ทางร้านทำเอง ดองดีดี (Pickled) เป็นอาหารดองที่ทางร้านดองด้วยกรรมวิธีที่สะอาด ถูกหลักอนามัย เหมาะกับการกินแกล้มเหล้าเป็นต้น โดยมีเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้านที่ไม่ควรพลาดอย่าง
หนังไก่ทอดน้ำปลาชั้น 1 และศรีราชาทำเอง
หนังไก่ทอดน้ำปลาชั้น 1 และศรีราชาทำเอง (Nang Gai Tort) เป็นหนังไก่ทั้งตัวที่เลาะออกมาโดยยังคงรูปร่างของไก่เอาไว้ แล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบ น่ารับประทาน ทานคู่กับซอสศรีราชา ซอสพริกสูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นเอง
จิ้นหมูส้มเมืองและข้าวเหนียว
จิ้นหมูส้มเมือง (Neam) เป็นแหนมที่ทางร้านหมักเอง โดยนำเอาวัฒนธรรมอาหารของทางภาคเหนือมาผสมผสาน และตั้งชื่อตามภาษาเหนือ ซึ่งคำว่า จิ้น แปลว่า เนื้อ และคำว่า ส้ม แปลว่า เปรี้ยว นำมาทานคู่กับผักกาดขาว หอมแดง ตัดรสเผ็ดด้วยพริกและขิงที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
หมูสับกับมะเขือยาวแบบจีนราดไข่ตุ๋น
หมูสับกับมะเขือยาวแบบจีนราดไข่ตุ๋น (Ma Kreua Yao) เมนูสร้างสรรค์ที่ให้รสชาติกลมกล่อมทุกคำของการรับประทาน ด้วยการนำไข่ตุ๋นมาวางเป็นฐานทางด้านล่างของถ้วย แล้วราดด้วยหมูสับกับมะเขือยาว เมื่อตักจากด้านล่างขึ้นมาจะให้รสชาติที่กลมกล่อม นุ่มละมุน
ปลาทะเลส้ม
และปลาทะเลส้ม (Pla Som) ที่แตกต่างจากปลาส้มทั่วไป โดยทางร้านเลือกใช้ปลาทะเลมาหมักแทนปลาน้ำจืด เพื่อให้ได้กลิ่นและรสสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น
หมูฮ้องแบบใต้
นอกเหนือจากนั้นยังมีเมนูน่ารับประทานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เม็ดแตงโมอบใบมะกรูด (Met Taing Mor) หมึกทอดขมิ้น (Muek Tod Kamin) แกงคั่วซี่โครงหมูใต้ (Geng Krua Sli Krong Moo) ยำไข่ดาวอินทรีย์ (Yum Kai Dao) และ ลาบปีกปลาหมึก (Lab Peak Pla Muek) เป็นต้น
จีเอ็มทินี่
เดอะ เออ
ปิดท้ายด้วยค็อกเทลรสเลิศ ที่ใช้เหล้าไทยหลากหลายชนิดเป็นส่วนผสมหลัก อาทิ จีเอ็มทินี่ (GMtini) ที่เสิร์ฟพร้อมกับป๊อปคอร์นโฮมเมด เดอะ เออ (The ‘Err’) เจ้าพระยา (Chao Pra Ya) นอกจากนั้นยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ อาทิ หวานน้อย (Waan Noi) กาแฟออร์แกนิกรสชาติเข้มข้น น้ำตาลสด น้ำอ้อยสด ที่จับคู่กับอาหารได้อย่างลงตัว
หลังจากอิ่มเอมกับรสชาติของอาหารแล้ว ก็สามารถชวนเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินเล่นต่อมาทาง ท้ายซอย เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของวัดอรุณราชวรารามที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะไปเยี่ยมชมวัดโพธิ์และมิวเซียมสยามที่อยู่ใกล้ๆ กับร้านก็ไปได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ก็สามารถเลือกปั่นจักรยานแบบชิลล์ๆ ไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนปากคลองตลาด แล้วแวะชมสถาปัตยกรรม พร้อมเที่ยวสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทยได้ตลอดสองข้างทาง นอกจากการปั่นจักรยานแล้วยังสามารถเดินทางได้อีกหลากหลายเส้นทาง ทั้งรถส่วนตัว เรือด่วนเจ้าพระยาแล้วลงสถานีท่าเตียนหรือ ท่าราชินี
เออ เปิดให้บริการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 11.00 - 21.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร.02-224-6521 หรือ 02-622-2291-2
ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Website: www.errbkk.com
Facebook: ERR Urban Rustic Thai
IG: errbangkok