นิวยอร์ก… คือเมืองในฝันของใครหลายคนค่ะ เสน่ห์ของมหานครที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลนี้เห็นจะเป็นแสงสี และความทันสมัย รวมถึงเป็นศูนย์รวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เป็นจุดหมายที่คนจากทั่วทุกมุมโลกอยากไปเยือนสักครั้ง ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยว ไปใช้ชีวิต หรือไปตามล่าหาฝันก็ตาม เหมือนกับคนดังเหล่านี้ ที่สำหรับพวกเขาและเธอแล้ว ชีวิตในนิวยอร์กให้ประสบการณ์ดีๆ มากมายจนอดไม่ได้ที่ต้องมาแชร์ให้กันฟัง
จอร์จ ธาดา วาริช (ช่างภาพ)
ช่างภาพแฟชั่นที่สาวๆ หลายคนแอบกรี๊ด อย่าง จอร์จ ธาดา บอกว่าชีวิตในนิวยอร์กทำให้เขาต้องเร่งสปีดตลอดเวลา “สิ่งที่ทำให้อิมแพคจนเอามาใช้กับงานทุกวันนี้คือ ที่นู่น Work hard play hard. เค้าตรงต่อเวลา เค้าทำงานหนัก ทำอะไรรวดเร็ว คนที่นี่ทำงานเร็วที่สุด เป็นเมืองที่มีการเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่อื่นเท่าตัว ตอนที่ไปแรกๆ ในระหว่างที่เดินอยู่ในตัวเมือง จู่ๆ ก็มีคุณยายถือไม้เท้าเดินแซงไป เลยทำให้คิดได้ว่าทำไมทุกคนทำอะไรเร็วหมด ผมใช้เวลาปรับตัวกว่า 2 เดือน เพื่อตามคนอื่นให้ทัน ถ้าอยากได้โอกาส ก็ต้องทำอะไรให้เร็วกว่าคนอื่น ให้เหมือนกับคนที่เค้าทำงานที่นั่น ผมจึงเลือกด้านดีแบบนี้มาใช้กับการทำงานของเรามาผสมกับข้อดีของความเป็นไทย ทำให้ทุกวันนี้ผมมาได้ขนาดนี้”
“นิวยอร์กของผม ผมว่ามันเหมือนสุกี้หม้อใหญ่ ที่มีเครื่องเทศและส่วนผสมหลากหลายชนิด ทำให้เกิดรสชาติที่เข้มข้น เพราะเต็มไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ”
จอร์จบอกว่าเค้าชอบความ มั่วๆ ซั่วๆ ของคัลเจอร์ที่ผสมผสานกันจนเป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาที่ไหนในโลกมาเหมือน เพราะที่นี่มีคนทุกแบบ และแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย แต่มีรวมตัวกันอยู่ที่นี่
แรงบันดาลใจของจอร์จมาจากย่านชนชั้นกลาง เขาบอกว่าเราจะได้เห็นคนหลากหลายแบบ รวมไปถึงศิลปะ และเพลงด้วย เขามักจะเข้าไปแกลลอรี่ ไปดูงานศิลปะ หรือเข้าผับเล็กๆ และเขายังบอกอีกว่าถ้าเราอยู่แต่ย่านคนรวย เราจะเห็นแค่ชีวิตมุมเดียว เค้าชอบดูคนรุ่นใหม่ที่กล้าคิดกล้าทำมากกว่า เพื่อเอามาเป็นแรงขับให้ตัวเอง
ช่างภาพสุดเท่ทิ้งท้ายไว้ว่า “นิวยอร์กเป็นเมืองที่ควรไป เหมือนเป็นเมืองที่มีพลังพิเศษอยู่เต็มเมือง มันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเอง ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ เพราะที่นี่คือเมืองแห่งการเอาตัวรอดอยู่แล้ว แล้วคุณจะรู้ว่าทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จ และต่อให้ไม่ประสบความสำเร็จมันก็ทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น”
กุ้ง กุสุมา ชาวดอน (นางแบบ)
กุ้ง กุสุมา นางแบบผิวแทนสุดแซ่บคนนี้ เป็นนางแบบไทยคนแรกที่ได้ลงเว็บไซต์ models.com และเป็นอีกหนึ่งสาวที่เลือกตามฝันที่นิวยอร์ก เพราะสำหรับสาวคนนี้นิวยอร์กเป็นศูนย์รวมของแฟชั่น ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เธอมากมาย
“กุ้งว่านิวยอร์กสำหรับกุ้งคือเมืองที่ไม่เคยหลับใหลนะ เวลาคือสิ่งมีค่าของคนที่นี่ ทุกคนที่นี่ตรงเวลาหมด”
กุ้งบอกกับเราว่าที่นิวยอร์กทำให้กุ้งเป็นคนตรงต่อเวลา เพราะทุกคนรีบตื่นเช้ามาทำงาน ไม่มีการเลทเลย ไม่เหมือนกับบ้านเราที่ยังมีเวลาเดินชิวๆ ซึ่งมันทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เราตรงต่อเวลามากขึ้น เรารับผิดชอบตัวเองได้มากขึ้น เพราะเราใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ตลอดเวลา เพราะการแข่งขันที่นั่นมันสูงเหลือเกิน ถ้าเราไม่ทำเต็มที่ คนอื่นก็จะได้สิทธิ์นั้นไป
เมื่อพูดถึงการหาแรงบันดาลใจ กุ้งมักจะไปใช้เวลาว่างเดินเล่นที่ Central Park ไปดูชีวิตผู้คน ไปดูการแสดงต่างๆ ที่เมืองไทยไม่มี เช่น การเล่นดนตรีแจ๊ส การเต้นรำ หรือการโชว์ร้องเพลง มันเหมือนเค้าคอยเอ็นเตอร์เทนให้ แล้วนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
สาวแซ่บคนนี้ทิ้งท้ายให้คนที่สนใจจะไปหาแรงบันดาลใจที่นิวยอร์กว่า “ถ้าคุณได้มีโอกาสไปที่นิวยอร์ก ขอให้ไปที่ Central Park หรือ Grand Central แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นซักวันนึง จะทำให้เห็นความแตกต่างจากเมืองไทย และซึมซับความเป็นนิวยอร์กเกอร์ได้ดีขึ้น”
บอย Boyy Bag (Designer)
คนแฟชั่นชาวไทยอีกคนที่โด่งดังในระดับโลก คุณบอย เจ้าของแบรนด์กระเป๋า Boyy Bag บอกว่าการได้มาอยู่ที่นิวยอร์กเป็นเรื่องบังเอิญสุดๆ "มันเริ่มมากจากการขับรถจากวอชิงตัน ดีซี เพื่อมาเที่ยวกับเพื่อน แต่สุดท้ายแล้วพอมาถึงที่นิวยอร์กมันเหมือนกับโดนมนต์สะกด ชีวิตเปลี่ยนไปเป็นอีกด้านเมื่อมาถึงที่นี่ ทำให้รู้สึกว่าที่นี่คือเมืองนอกที่เป็นต่างประเทศจริงๆ ผู้คนเดินบนถนนเยอะ มีความหลากหลายของเชื้อชาติ และที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่มีชื่อว่า Boyy Bag"
บอยเล่าถึงที่มาของ Boyy Bag ว่า “ก่อนหน้านั้นทำกระเป๋าใช้เอง ไปไหนก็เอาไปด้วย แล้วก็จะมีคนถามตลอดว่าซื้อจากไหน แต่ไม่กล้าตอบเพราะได้อินสไปร์มาจากคนอื่น ซึ่งตอนแรกเราอยากซื้อมาใช้เองนะ แต่มันแพงมาก เราเลยเอารูปแบบมาดัดแปลง และคำพูดของเราบนกระเป๋านั้น พอมีคนถามเราก็บอกว่าเราทำเอง แต่เราไม่กล้าพูดเยอะ เพราะเราได้อินสไปร์มาจากคนอื่นอีกที จนมีคนมาขอซื้อ ขอให้ทำกระเป๋าให้ เราบอกว่าทำไม่ได้ เพราะเราได้อินสไปร์มาจากคนอื่นอีกที เค้าบอกว่าไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะทุกคนนิวยอร์กก็ได้อินสไปร์มาจากคนอื่นทั้งนั้น สุดท้ายเรามารู้ว่าเค้าคือ บก แฟชั่นแห่งหนึ่ง และหลังจากนั้นไม่นานเราจึงอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำ จึงเริ่มลองทำแบรนด์กระเป๋าที่มีชื่อว่า Boyy Bag”
“เมืองที่มีดาวอยู่เยอะรอให้คนมาตามเก็บ เพราะคือที่รวมตัวของคนที่มีความใฝ่ฝันที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมาแสวงหาพลังงานจากคนข้างๆ”
บอยบอกกับเราว่า ชอบการผสมผสานของเชื้อชาติ มันทำให้เราไม่รู้สึกว่าเราแปลกแยกจากคนอื่น เหมือนเราเป็นคนที่นั่นจริงๆ เราสามารถเรียกตัวเองว่านิวยอร์กเกอร์ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องเกิดที่นั่น เพราะถ้าที่นี่ไม่มีคนหลายๆ เชื้อชาติ ก็คงไม่มีเสน่ห์แบบที่มันเป็น วัฒนธรรมมันทำให้บอยมองเห็นโลกกว้างขึ้นมาก แม้ว่าเราจะไม่ได้เที่ยวรอบโลก
ถ้าพูดถึงแรงบันดาลใจของบอยมักจะอยู่แถว Soho เพราะส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เรียนก็เรียนที่นี่ นอนก็นอนที่นี่ ออกไปเดินดูผู้คนทุกวัน เพราะเชื่อว่าทุกอย่างมันสามารถให้แรงบันดาลใจเราได้หมด พอเราเห็นคนที่นี่เหมือนมันสามารถสะท้อนออกมาเป็นงานออกแบบ ในแบบของเรา เราคิดว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเราพยายาม
สาวเปรี้ยวคนนี้พูดถึงแรงบันดาลใจที่เธอได้จากที่นี่ว่า “จริงๆ แล้วแรงบันดาลใจมันมีอยู่รอบตัว แต่ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ถ้าเราอยู่ในที่ที่แรงบันดาลใจเยอะ แต่ไม่ทำก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ามีโอกาสได้ไปที่นิวยอร์ก ก็ขอให้ออกไปเดินเยอะๆ ลองทำทุกอย่าง เพราะทุกอย่างมันยื่นมาตรงหน้าแล้ว เราควรเก็บเกี่ยว และใช้ชีวิตให้เหมือนนิวยอร์กเกอร์จริงๆ”
ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม (ดารา/นางแบบ)
ซูเปอร์โมเดลสุดสตรอง ลูกเกด เมธินี ถือว่าเป็นนิวยอร์กเกอร์ตัวจริงเสียงจริง เพราะเคยใช้ชีวิตที่นิวยอร์กถึง 20 ปี และเรียนทางด้าน Fashion Industry high school ที่นั่น จากความฝันที่อยากเป็นนางแบบตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ขุ่นแม่เกดมี Passion แรงกล้า และมีความพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อให้ได้ทำงานด้านนี้ จนในที่สุดมาได้ตำแหน่ง Miss Thailand World ในปี 1992 ซึ่งเป็นเหมือนใบเบิกทางให้ก้าวเข้าสู่วงการ
“New York shaped who I am, how I act and what I am today.” นี่คือนิยามสั้นๆ และเรียบง่าย ที่ขุ่นแม่บอกกับเรา
ขุ่นแม่เกดบอกกับเราว่า ที่มั่นและสตรองมาจนถึงทุกวันนี้เกิดจากการใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก เพราะการแข่งขันที่นั่นสูงมาก มันทำให้เราต้องต่อสู้และทำให้ดีที่สุดเพื่อความฝันของเรา
แต่ถ้าพูดถึงย่านที่ให้แรงบันดาลใจได้ดี ลูกเกดจะนึกถึง Manhattan ที่เป็นเหมือนย่านที่ไม่เคยหลับใหล เป็นย่านที่ผู้คนพร้อมจะมุ่งทะยานไปข้างหน้าตลอดเวลา แค่เดินอยู่ที่นี่มันก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้จริงๆ และยังนึกถึงท่อนเพลงหนึ่งของ Alicia Keys ที่ร้องว่า
" New York, Concrete jungle where dreams are made of
There's nothin' you can't do
Now you're in New York
These streets will make you feel brand new
Big lights will inspire you
Let's hear it for New York, New York, New York "
สุดท้ายขุ่นแม่เกดฝากถึงลูกๆ ที่กำลังหาแรงบันดาลใจว่า “ให้หา Passion ในตัวเอง หาที่ที่ชอบหรือคนที่พร้อมเอาเป็นแบบอย่าง แล้วเอามาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และเลือกที่จะพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งที่ดีที่สุด”
เบนซ์ ธนชาติ (นักเขียน/ผู้กำกับ)
ถ้าพูดชื่อเบนซ์ ธนชาติ อาจมีบางคนไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึงผลงานของเขา หลายคนคงต้องร้อง อ๋อ! แน่นอนค่ะ เบนซ์เป็นนักเขียนหนังสือและผู้กำกับ Viral Video ชื่อดังอย่าง Bkk first time. ที่มียอดวิวกว่า 3 ล้าน บน youtube!!!
“ที่นี่ใครก็สามารถจะเป็นอะไรก็ได้ มันทำให้เราเป็นตัวของตัวเอง แต่ถึงคุณจะเป็นคนแบบ 1 ในล้าน แต่คุณสามารถพบคนแบบคุณได้อีก 8 คน ในนิวยอร์ก”
เบนซ์บอกกับเราว่านิวยอร์กสอนเขาเรื่องความหลากหลาย ที่นี่ไม่มีการตีกรอบให้กันมันทำให้ส่งผลต่อระบบการคิดของเขามาก ทำให้เขากล้าแสดงความคิดเห็น กล้าพูด กล้าทำ ถือซะว่าเราเป็นประชากรของโลกคนนึง ซึ่งมันทำให้เราเป็นตัวของตัวเอง
เมื่อพูดถึงแรงบันดาลใจ เบนซ์บอกว่าเขามักจะไปแกลลอลี่ที่ย่าน Chelsea เป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือบางทีคิดอะไรไม่ออก ก็มักจะไปเดินชิวๆ ที่ Central Park เพื่อดูคน ดูการใช้ชีวิตของเขา นอกจากนี้เบนซ์ยังบอกว่า “การหาแรงบันดาลใจต้องออกจากที่เดิมๆ หนีจากชีวิตประจำวัน จงทำความคุ้นเคยกับความไม่คุ้นเคย เมื่อออกจากอะไรที่คุณไม่คุ้นนั่นแหละมันกำลังสร้างแรงบันดาลใจ”
และทั้งหมดที่กล่าวมาคือคนที่เคยใช้ชีวิตและได้รับแรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก จนเรียกได้ว่าเป็น “นิวยอร์กเกอร์” ตัวจริง ถือว่านิวยอร์กได้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มากมายด้วยค่ะ เช่นเดียวกับ เอ็มม่า วอล์กเกอร์ หนึ่งในเบลนเดอร์คนสำคัญของ Johnnie Walker ที่พัฒนาสูตรเพื่อหารสชาติที่แตกต่าง และได้เดินทางไปหาแรงบันดาลใจครั้งใหม่ถึงนิวยอร์ก จนได้มาเป็น Johnnie Walker Blenders’ Batch Red Rye Finish ที่มีรสชาติของเบอร์เบิ้นและราย ผ่านการทดลองกว่า 50 ครั้ง โดยใช้มอล์ตวิสกี้ 203 รายการ จากวิสกี้สี่ชนิดรวมถึง คาร์ดู และ ซิงเกิ้ล มอลต์ โดยการผสมช่วงแรกจะบรรจุในถังของเบอร์เบิ้น ก่อนจะหมักบ่มในถังที่เคยใช้บ่มเหล้ารายอีก 6 เดือน จนผสามผสานได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ลงตัวของนิวยอร์กและสก็อต ที่ให้รสชาติสดชื่น กระปรี้กระเปร่าของผลไม้ และรสชาติครีมวานิลลาของเกรนวิสกี้ เป็นรสชาติแห่งนิวยอร์กที่ไม่ว่าใครต้องอยากลิ้มลองค่ะ