แม่หลวงของพวกเราชาวไทย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่ปวงชนชาวไทยมากมายเหลือเกินค่ะ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพด้านการทอผ้า ซึ่งกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงเป็น “ราชินีแห่งสิ่งทอ” หรือ The Queen of Textile ผู้ฟื้นการทอผ้าไทยขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้เฟียร์ซจึงขอรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อการทอผ้าไทยมาตลอดระยะเวลาหลายปีค่ะ
พระผู้ทรงเคียงคู่การทรงงานในหลวงรัชกาลที่ 9
ภาพที่คนไทยที่เกิดในรัชกาลที่ 9 เห็นจนชินตาคือภาพสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จฯ เคียงคู่ไปกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการเยี่ยมเยียนราษฎรในชนบท ขณะที่พ่อหลวงทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อพัฒนาด้านการเกษตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ก็ทรงพัฒนาอาชีพของชาวบ้านโดยเฉพาะอาชีพทอผ้า
จุดกำเนิดความสนพระทัยในผ้าไทย
ในปีพ.ศ. 2513 ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงตามเสด็จไปเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัยที่จังหวัดนครพนม ทรงทอดพระเนตรเห็นหญิงชาวบ้านที่มารอรับเสด็จนุ่งซิ่นไหมมัดหมี่ ทรงมีกระแสพระราชดำรัสชมชาวบ้านว่า “ผ้าสวย” ชาวบ้านก็กราบบังคมทูลซื่อๆว่า “ผ้าของคนจนใส่นี่หรือสวย” พระองค์ทรงรับสั่งกลับไปว่า “ชอบจริงๆ ถ้าจะให้ทำให้จะได้ไหม” หญิงชาวบ้านจึงบังคมทูลว่า “จะใส่หรือเปล่าจ๊ะ ถ้าใส่จริง ฉันก็จะทำให้” ครั้งนั้นพระองค์ได้รับสั่งกลับไปว่า “ใส่สิจ๊ะ ถ้าทำให้ฉันจะใส่” สร้างความดีใจให้หญิงชาวบ้านที่มารับเสด็จเป็นอย่างมาก
เพิ่มคุณค่าให้ผ้าไหมมัดหมี่
จุดเริ่มต้นของโครงการผ้าไหมมัดหมี่ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงรับสั่งให้ผู้ติดตามไปขอซื้อผ้าจากชาวบ้าน โดยการขอซื้อผ้าจากชาวบ้านครั้งแรกๆ นั้นเต็มไปด้วยความลำบาก เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ทอเพียงแค่เอาไว้ใช้นุ่งห่มเท่านั้น ขายไม่เป็น เพราะไม่เคยคิดว่าผ้าไหมมัดหมี่นั้นจะมีราคา เลยไม่เคยทอไว้ขาย ผู้ติดตามพระองค์ท่านต้องไปอ้อนวอนชาวบ้านเพื่อขอซื้อผ้า เมื่อเขาถามว่าจะซื้อไปทำไม ผู้ติดตามก็บอกว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ จะทรงช่วยเหลือ รับสั่งให้มาซื้อผ้ากลับไปถวาย
มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงฟื้นการทอผ้าไทยขึ้นมาอีกครั้ง ส่งเสริมเป็นอาชีพ และทรงรับซื้อผ้าทุกชิ้นที่สั่งทอจากชาวบ้านเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ อีกทั้งยังทรงนำผ้าทอที่ทอโดยชาวบ้านมาตัดเป็นชุดฉลองพระองค์ และทรงใส่ออกพระราชดำเนินทั่วทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นต้นแบบให้คนไทยหันมาสนใจผ้าไทย การซื้อผ้าไหมจากชาวบ้านของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ก็เริ่มขยับขยายไปยังอีกหมู่บ้าน จนกระทั่งขยับขยายไปยังจังหวัดต่างๆจนทั่วภาคอีสาน
ห้องทรงงานที่เต็มไปด้วยผ้าไหม
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เล่าว่าห้องทรงงานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ นั้นเต็มไปด้วยผ้าไหมไทยหลากสีหลากลวดลาย ที่เดินทางมาจากภูมิภาคต่างๆ กันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ผ้าไหมไทยเดินทางมาสู่ห้องทรงงานได้ก็เพราะน้ำพระทัยห่วงใยและแน่วแน่ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่ทรงต้องการจะช่วยเหลือราษฎรที่ทุกข์ยากเดือดร้อน ให้สามารถช่วยเหลือตัวเอง และยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างมั่นคง
ทรงงานไม่หยุดพักแม้จะมีพระอาการแพ้ฝุ่น
สิ่งที่คนไทยหลายคนไม่ทราบคือเมื่อเริ่มแรกที่ทรงตั้งโครงการส่งเสริมศิลปาชีพฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงตรวจตราผ้าไหมและงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯด้วยพระองค์เองทุกชิ้นผืนมาเป็นระยะเวลายาวนาน แม้จะมีพระอาการแพ้ฝุ่นที่สะสมอยู่ในผืนผ้า แต่ก็ทรงอดทนที่จะทรงงานเพื่อราษฎรของพระองค์ตลอดมา
แม้ผ้าขี้ริ้วก็ควรค่าน่าเรียนรู้
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์เล่าว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงสอนให้สังเกต ให้เรียนรู้จากชาวบ้าน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงสนับสนุนให้ชาวบ้านอนุรักษ์การทอผ้าลวดลายโบราณ รับสั่งว่า “ผ้าขี้ริ้วที่ชาวบ้านถูเรือนก็ต้องดูด้วย เพราะลายผ้าจะอยู่ตรงนั้น” โดยทั่วไปชาวบ้านมักจะนำผ้าเก่ามาทำผ้าขี้ริ้ว ซึ่งก็พบว่าลายสวยจริงๆ พอถามดูเลยทราบว่าเป็นผ้าที่ยายทอไว้ แม่ทอไว้แต่โบราณ
สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติ
จากพระราชดำริที่ต้องการอนุรักษ์การทอผ้าลวดลายโบราณ รวมถึงอนุรักษ์พันธุ์ไหมไทยแท้ ๆ ควบคู่กันไปด้วย “สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” จึงได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2547 เพื่อรักษาพันธุ์ไหมและพัฒนาพันธุ์หม่อนให้มีคุณภาพดีขึ้น และกระจายไหมพันธุ์ไทยแท้ให้ชาวบ้าน
ชุดไทยพระราชนิยม
ในช่วงปี พ.ศ.2503 ขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีชุดแต่งกายประจำชาติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ จึงมีพระราชดำริว่า จำเป็นต้องมีฉลองพระองค์ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ไทยอย่างแท้จริง จึงทรงเชิญผู้มีความรู้หลายท่านมาถวายคำแนะนำ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ต้นแบบไว้ และยังพระราชทานพระราชานุญาตให้สตรีไทยนำแบบฉลองพระองค์ชุดไทยไปตัดเย็บสวมใส่ได้ เรียกกันว่า ‘ชุดไทยพระราชนิยม’ ซึ่งมีทั้งหมด 8 แบบดังนี้ http://fiercebook.com/articles/4725
ผ้าไทยกับห้องเสื้อแฟชั่นระดับโลก
สมเด็จพระนางเจ้าฯ มีพระราชประสงค์ที่จะทรงฉลองพระองค์แบบสากลตามโอกาส จึงมีพระราชดำริให้นักออกแบบต่างชาติมาดูแลฉลองพระองค์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายปิแอร์ บัลแมง เป็นช่างออกแบบเสื้อตัดเย็บฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมไทย หลังจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักออกแบบต่างชาติจากห้องเสื้อที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกหลายแห่งร่วมออกแบบ เช่น คริสเตียน ดิออร์ วาเลนติโน และจิวองชี
สุภาพสตรีที่แต่งกายงดงามที่สุดในโลก
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงฉลองพระองค์จากผ้าไหมไทยในการเสด็จเยือนต่างประเทศ ทรงเผยแพร่ความงดงามของผ้าไทยให้โลกประจักษ์ เป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่พบเห็นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทรงเป็น 1 ใน 10 ของสุภาพสตรีที่แต่งกายงดงามที่สุดในโลกในปีพ.ศ.2503 และ 2504 และทรงเป็นสุภาพสตรีผู้แต่งกายดีที่สุดในโลกในพ.ศ.2506 และ 2507 ต่อมาในพ.ศ.2508 มีการจารึกพระนามาภิไธยในหอแห่งเกียรติคุณ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในฐานะที่ทรงเป็น 1 ใน 12 สุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลก
สัญลักษณ์ นกยูงไทย
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ยังทรงพระราชทานสัญลักษณ์ “นกยูงไทย" ให้เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยอย่างมีมาตรฐาน โดยจำแนกแบ่งเป็น 4 ชนิดได้แก่ ตรานกยูงสีทอง สำหรับ Royal Thai Silk, ตรานกยูงสีเงิน สำหรับ Classic Thai Silk, ตรานกยูงสีน้ำเงิน สำหรับ Thai Silk และตรานกยูงสีเขียว สำหรับ Thai Silk Blend ซึ่งจะแบ่งตามเกรดคุณภาพและประเภทของผ้า และได้มีการส่งออกผ้าไหมไทยไปยังประเทศต่าง ๆ มูลค่านับพันล้านบาท นำรายได้เข้าสู่ประเทศ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่มีต่อผ้าไทยค่ะ สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม หรืออยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไทยมากขึ้นสามารถไปชมนิทรรศการต่างๆ ได้ที่ “พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งพี่น้องชาวไทยต้องช่วยกันส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นศิลปะอันลำค่าของชาติและความภาคภูมิใจของคนไทยตราบนานเท่านานค่ะ