สาวๆ หลายคนอยากลองซื้อน้ำหอม แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเลือกยังไง เริ่มที่ไหน ซื้อกลิ่นอะไรก่อนดี วันนี้เฟียร์ซมีไกด์ไลน์ วิธีการเลือกน้ำหอมขวดแรกในชีวิตมาฝาก เป็นวิธีการเริ่มเลือกน้ำหอมเบื้องต้น สามารถพลิกแพลงได้ไม่ตายตัว จะต้องเริ่มจากตรงไหน ทดลองกลิ่นอย่างไรไปดูกันเลยค่า~
1. เลือกแนวกลิ่นก่อนว่าเราชอบแบบไหน
ก่อนอื่นสาวๆ ต้องดูตัวเองก่อนค่ะ ว่าชอบกลิ่นแนวไหน แนวกลิ่นน้ำหอมมีดังนี้
Image source : Bigstock.com
- Floral (ดอกไม้) แนวกลิ่นที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบมากที่สุด มีทั้งดอกไม้ที่ให้ความหอมสดชื่น หอมหวาน หอมละมุน หอมเย้ายวน แล้วแต่ดอกที่ถูกนำมาใช้ค่ะ
- Fruity (ผลไม้) แนวกลิ่นผลไม้ น้ำหอมส่วนใหญ่จะใช้ผสมกับกลิ่นดอกไม้ เป็นแนว Floral Fruity นิยมใส่กลิ่นแรกเป็นผลไม้ และกลิ่นที่สองเป็นดอกไม้ค่ะ
- Fresh (เฟรช) เป็นกลิ่นแนวหอมสะอาด ให้ความสดชื่น เช่น หญ้า เฟิร์น มอส สมุนไพร ส้ม มะนาว เป็นต้น
- Aldehydic/Modern (แป้งและไม้) กลิ่นมีความละมุน นุ่มลึก กลิ่นคล้ายแป้งหอม นิยมผสมกับกลิ่นอื่น เช่น ดอกไม้ และเปลือกไม้ค่ะ
- Chypre (ไซปรัส) กลิ่นที่หรูหรา หอมแบบผู้ใหญ่ๆ มีความเก่าแก่วินเทจนิดๆ กลิ่นแบบนี้จะอยู่ในน้ำหอมรุ่นแรกๆ ของแต่ละแบรนด์ เพราะ Chypre คือแนวการปรุงน้ำหอมในศตวรรษที่ 18 กลิ่นก็จะมีความคลาสสิคค่ะ
- Oriental/Amber (เครื่องเทศและสมุนไพร) จะใช้ดอกไม้ฝั่งตะวันออกและเครื่องเทศมาเป็นสกัดเป็นกลิ่น เช่น อบเชย มัสก์ วานิลลา เป็นต้น เสริมให้กลิ่นมีมีติมากยิ่งขึ้นค่ะ
- Tobacco/Leather (ยาสูบและหนัง) กลิ่นที่มีความแปลกและล้ำลึกขึ้นไปอีกหนึ่งสเต็ป ส่วนใหญ่จะถูกผสมในน้ำหอมผู้ชาย
- Fougere (สมุนไพร) กลิ่นที่มีความสดชื่น ให้ความหอมสะอาดๆ อย่างกลิ่นเฟิร์น มอส ลาเวนเดอร์ กลิ่นแนวป่าฝนที่ช่วยให้สงบนิ่ง สุขุม นุ่มลึก ส่วนใหญ่กลิ่นนี้ก็จะอยู่ในน้ำหอมผู้ชายค่ะ
2. หาข้อมูล
เมื่อได้แนวกลิ่นที่ชอบแล้ว ก็หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตค่ะ บอกเลยว่าผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ชอบแนวกลิ่น Floral, Fresh และ Floral Fruity ให้ยึด 3 แนวนี้เป็นหลัก ส่วนกลิ่นอื่นๆ จะเป็นกลิ่นเสริมในน้ำหอม น้ำหอมแต่ละขวดจะใช้หลายกลิ่นมาผสมกัน ไม่ใช่กลิ่นเดียวทั้งหมด ลองค้นหาน้ำหอมตัวดังๆ ของแนวกลิ่นที่ชอบดูก่อน เวลาไปถึงเคาน์เตอร์ จะได้มีหลักว่าควรเริ่มดมจากแบรนด์ไหนเป็นแบรนด์แรก หาข้อมูลไม่ยากหรอก ในไทยมีคนเขียนรีวิวน้ำหอมไม่ค่อยเยอะ เพราะกลิ่นเป็นรสนิยมส่วนตัว บางคนชอบ/ไม่ชอบต่างกันไป ซึ่งกลิ่นที่สาวไทยส่วนใหญ่เขียนว่าชอบ เราก็อาจจะชอบเหมือนกัน ด้วยสภาพอากาศประเทศไทยกลิ่นน้ำหอมจะออกไม่เหมือนของยุโรป-อเมริกา ดังนั้นควรอ่านรีวิวภาษาไทยค่ะ
Image source : Bigstock.com
3. ไปดมที่เคาน์เตอร์
เมื่อเราหาแนวกลิ่นที่ชอบได้แล้ว ให้ไปที่เคาน์เตอร์น้ำหอม แนะนำว่าให้ไปที่ห้างฯใหญ่ๆ จะมีน้ำหอมให้เลือกเยอะ หลากหลายแบรนด์ และทดลองฉีดได้ไม่อั้น ให้ไปดมแนว Floral ก่อน ถ้ายังไม่ชอบให้เปลี่ยนไปแนว Fresh และถ้ายังไม่โดนอีกให้ไปแนว Floral Fruity ซึ่งถ้ายังไม่โดนอีกแปลว่าสาวๆ ไม่ได้ชอบแนวกลิ่นอย่างผู้หญิงทั่วไป อาจจะชอบน้ำหอมผู้ชาย หรือน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อนๆ สบายๆ เช่น แนว Fougere เป็นต้น ให้สาวๆ กลับมาค้นหาข้อมูลแนวกลิ่นอื่นเพิ่มเติม แล้วค่อยกลับไปดมใหม่ค่ะ
Image source : Bigstock.com
วิธีการเทสกลิ่นบนกระดาษ เมื่อฉีดน้ำหอมลงบนกระดาษแล้ว ให้รอจนแอลกอฮอล์ระเหยออกจากกระดาษไปก่อน จากนั้นหลับตา เลื่อนกระดาษผ่านจมูกช้าๆ และจดจำกลิ่นไว้ ถ้าที่กระดาษไม่มีบอกว่าแบรนด์/กลิ่นอะไร ควรจดชื่อกลิ่นที่ชอบไว้ด้วย กันสับสนค่ะ
Q&A
Q: แก้วเมล็ดกาแฟมีไว้ทำไม?
A: เมื่อดมน้ำหอมเยอะๆ จมูกจะมึน กลิ่นตีกันไปหมด กลิ่นของเมล็ดกาแฟจะช่วยเคลียร์ต่อมรับกลิ่น ทำให้จมูกรับกลิ่นได้แม่นยำขึ้นค่ะ
4. หาระดับความเข้มที่ใช่
เมื่อหาแนวกลิ่นที่ใช่ได้แล้ว ต่อไปจะหาระดับความเข้ม-อ่อนของน้ำหอมที่ใช่สำหรับเรา น้ำหอมขวดที่ลองดมๆ ไปแล้ว อาจเป็นแนวที่ชอบ แต่ยังไม่ใช่ด้วยความสตรองของน้ำหอม ในครั้งแรกสาวๆ อาจจะดมระดับ Eau de Pafum ก่อน ถ้าเข้มไปให้ลดเป็น Eau de Toilette และ Eau de Cologne ตามลำดับค่ะ
อ่านรายละเอียดของระดับน้ำหอมได้ที่ >> มารู้จักน้ำหอมให้มากขึ้นกันเถอะ!
Image source : Bigstock.com
Tips* ทางลัดในการตัดสินใจเลือกแนวกลิ่นที่ชอบ **เป็นวิธีที่ใช้กับตัวเองจริง**
⇒ อันดับแรกไป Dior ก่อนลองกลิ่น Miss Dior Blooming Bouquet
⇒ จากนั้นไป Chanel ลองกลิ่น Chance Eau Tendre = ถ้าชอบสองกลิ่นนี้แปลว่า เราเป็นแนว Floral (หวานๆ) ค่ะ
⇒ ถ้ายังไม่ชอบให้ดม Chanel Chance Eau Fraiche (กลิ่นที่สาวไทยส่วนใหญ่ชอบ) = ถ้าชอบก็แปลว่าเราชอบแนว Floral นี่แหละ แต่กลิ่นไม่หวานมาก มีความ Fresh/Clean ขึ้นมาหน่อย
⇒ โดยรวมรู้สึกชอบแล้ว แต่คิดว่ากลิ่นแรงไป ให้ไป Aerin (ในเคาน์เตอร์ Estée Lauder) กลิ่นจะเบาสบายมากกว่า เป็นความหอมอ่อนๆ แบบกลิ่นดอกไม้โชยจากสวนหลังบ้าน
⇒ ถ้าคิดว่าไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ หรือคิดว่ากลิ่นยังแรงไปอยู่ ให้ไป Jo Malone จะมีที่กลิ่นอ่อนลงมาอีก อยู่ในระดับ Eau de Cologne และมีกลิ่นอื่นให้ดมเยอะมากที่ไม่ใช่กลิ่นดอกไม้ ควรเตรียมจมูกให้พร้อม
⇒ หรือเราอาจจะชอบกลิ่นแนว Floral Fruty ก็เป็นได้ ลองหาดูที่ Jo Malone ก็มี กลิ่น Floral Fruity ที่โด่งดังก็มี Marc Jacobs, DKNY และ Coach (แต่ส่วนตัวไม่ชอบแนวนี้ เลยไม่คอยลองค่ะ)
⇒ ถ้าดมทั้งหมดที่ว่ามานี้แล้วยังไม่มีกลิ่นที่ชอบ ให้ไปที่ Giorgio Armani, Tom Ford หรือร้าน Atelier de Prestige จะมีกลิ่นแปลกๆ อย่างกลิ่นหนัง กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นกำยาน กลิ่นวานิลลา กลิ่นลึกลับซับซ้อนน่าค้นหามีเยอะ ที่ไม่อยู่ในแนว Floral / Fresh / Fruity
⇒ ดมแล้ว ชอบแล้ว แต่ไม่มีงบ! ให้หากลิ่นที่คล้ายๆ ในราคาที่เบากว่า นั่นก็คือการหาข้อมูล และไล่ดมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอขวดที่ชอบค่ะ การเลือกน้ำหอมอาจกินเวลาหลายวัน และต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัวสูง ฉะนั้นต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ดมไปเรื่อยๆ นะคะ สู้ๆ ค่าาาา
⇒ นี่ไม่ใช่กฎตายตัว! กฎก็คือ ดม ดม ดม แล้วก็ดมค่ะ
5. ลองฉีดกลับบ้าน
เมื่อได้กลิ่นที่ใช่แล้ว อย่าเพิ่งซื้อ! ให้ทดลองฉีดลงบนผิวกาย และเสื้อผ้ากลับบ้านก่อน เนื่องจากน้ำหอมส่วนใหญ่ กลิ่นจะมี 3 โน้ต Top note, Middle note และ Base note กลิ่นอาจเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่ฉีด ทำให้ต้องลองฉีดจริงก่อนซื้อ และเมื่อกลิ่นน้ำหอมมาอยู่บนตัวเราจริงๆ กลิ่นก็จะไม่เหมือนกับตอนที่เราดมบนกระดาษด้วยค่ะ กลิ่นจะเบลนด์ไปกับกลิ่นกายของเรา ฉีดได้เลยไม่ต้องกลัวพนักงานขาย ทุกคนควรก็จะฉีดก่อนซื้อเสมอ คนที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นคนที่กลับมาใหม่ อาจจะเป็นครั้งที่ 2, 3, 4 ก็เป็นได้ ไม่ควรซื้อตั้งแต่ครั้งแรกที่ดมค่ะ
Image source : Bigstock.com
6. เตรียมเงินให้พร้อม
ถ้าคิดจะซื้อน้ำหอมบอกเลยว่าต้องเตรียมเงิน จัดสรรงบประมาณให้ดี ควรเลือกกลิ่นที่ชอบ ในราคาที่จ่ายไหว น้ำหอมมีตั้งแต่ราคาหลักร้อย หลักพัน ไปจนหลักหมื่นเลยค่ะ น้ำหอมที่ราคาสูงกลิ่นจะติดทนนาน ถ้างบไม่ถึงจะซื้อแบบที่ติดไม่ค่อยทน แต่เน้นฉีดบ่อยๆ เอาก็ได้ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ ถ้าขี้เกียจฉีดระหว่างวันก็ซื้อแบบที่ติดทนนานไปเลย ฉีดทีเดียวจบ อยู่ได้ทั้งวัน ไม่ต้องแบกขวดน้ำหอมไปด้วยค่ะ
Image source : Bigstock.com
Tips* แหล่งขายน้ำหอม
• Beauty Hall พารากอน → มีน้ำหอมให้เลือกเยอะมาก หลากหลายแบรนด์ ดมได้ฉีดได้ พนักงานน่ารักกกก เท่าที่เดินมาที่นี่มีเกือบครบทุกแบรนด์วางขายในไทย
• Sephora → ลองน้ำหอมได้เองไม่มีพนักงานมาวอแว เหมาะสำหรับสาวขี้อาย พนักงานจะไม่ยุ่งถ้าสาวๆ ไม่ร้องขอ แต่แบรนด์ก็จะน้อยกว่าในห้างฯค่ะ
• Eve and Boy → โปรโมชั่นเด็ด ลดแรง ลดเยอะ แนะนำสำหรับคนที่มีกลิ่นในดวงใจอยู่แล้ว แบบ Grab and Go ทันที เพราะคนเยอะค่ะ เวลาลดราคาคนยิ่งเยอะ และของหมดไวด้วยบอกเลย
• Beautrium → ที่นี่มีน้ำหอมแท้ขวดเล็กไซส์มินิขาย (บางแบรนด์) เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ตัดสินใจไม่ถูก และคนที่ชอบพกน้ำหอมติดตัว (น้ำหอมขวดเล็กๆ Sephora ก็มีบางกลิ่นค่ะ ลองไปดูนะคะ)
• Atelier de Prestige → มีน้ำหอมไฮเอนด์แบรนด์ที่ไม่มีในห้างฯทั่วไปขาย
• King Power → สำหรับสาวๆ เดินทางต่างประเทศบ่อย แนะนำ duty free ค่ะ ประหยัดเงิน เพื่อซื้อน้ำหอมขวดอื่นเพิ่มไปอีกกกก
บอกเลยว่าการเลือกน้ำหอมขวดที่ใช่ มีแค่ดมๆๆ แล้วก็ลองๆๆ จนกว่าจะเจอกลิ่นที่ชอบ ใครที่บ้านหรือที่ทำงานติดห้างฯ ยิ่งดีเลยค่ะ เพราะกว่าจะเลือกกลิ่นที่ชอบได้ต้องลองดมหลายครั้งมากๆ กว่าจะเจอขวดแรกที่โดนใจ แต่พอเริ่มมีประสบการณ์แล้ว ก็จะเลือกน้ำหอมเก่งเองค่ะ ลองไปเลือกดมกันดูนะคะสาวเฟียร์ซ~