สาวๆก็เคยใช้น้ำหอมใช่ไหมคะ แน่นอนอยู่แล้วว่าทุกคนต้องรู้จักน้ำหอม เพราะความหอมนั้นสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่นได้ และสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองด้วย ว่าแต่สาวๆรู้จักน้ำหอมกันดีแล้วรึยัง? วันนี้เฟียร์ซอยากจะพาสาวๆมาทำความรู้จักกับน้ำหอม เอาให้ถึงแก่นจนสามารถเลือกซื้อได้อย่างไม่อายใคร บอกเลยว่าจริงแล้วน้ำหอมอาจจะไม่เป็นเพียงน้ำหอมอย่างที่คุณคิดก็ได้!
1. น้ำหอม ไม่ใช่ Perfume เสมอไป
งงใช่ไหมคะ ว่าทำไมน้ำหอมไม่ใช่ Perfume เอาเป็นว่าน้ำหอมที่เราใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้เรียกว่า Perfume ทั้งหมดค่ะ ตามหลักแล้ว Perfume ก็คือหัวน้ำหอม ที่อยู่ในระดับของน้ำหอมเข้มข้น ที่ยังเอามาใช้ไม่ได้ ต้องนำไปผสมกับแอลกอฮอล์และน้ำก่อนค่ะ เวลาที่จะเรียกน้ำหอมในต่างประเทศเพื่อความเซฟ ให้เรียกว่า Fragrance ดีกว่า จะได้ไม่งงทั้งคนซื้อและคนขายนะคะ
2. น้ำหอมมีหลายระดับ
ระดับของน้ำหอมถูกแบ่งตามส่วนผสม ยิ่งมีส่วนผสมของหัวน้ำหอม (Perfume) มากเท่าไร กลิ่นก็จะยิ่งแรง และติดทนนานมากเท่านั้น ระดับของน้ำหอมมีด้วยกัน 4 ระดับ ได้แก่
Image source : matteamsterdam.blogspot.com
1. Perfume Extract : น้ำหอมระดับเข้มข้มมากที่สุด
มีส่วนผสมของหัวน้ำหอม 15-30% แอลกอฮอล์ 90-95% และน้ำ 5-10% เป็นประเภทที่มีความเข้มข้นที่สุด สังเกตได้จากขวดที่จะไม่ใช่แบบสเปรย์ วิธีใช้จะแค่เอามาแตะๆตรงจุดชีพจรเท่านั้น เพราะกลิ่นจะแรงมาก ใช้แค่นิดเดียวก็ติดทนนาน 6-8 ชม. แล้วค่ะ ยิ่งถ้าอยู่ที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ก็ติดทนไปทั้งวันเลยค่ะ!
2. Eau de Parfum : น้ำหอมระดับเข้มข้น
มีส่วนผสมของหัวน้ำหอม 8-15% แอลกอฮอล์ 80-90% และน้ำ 10-20% เป็นน้ำหอมระดับเข้มข้นที่เจือจางลงมาหน่อย สามารถสเปรย์ได้ ซึ่งน้ำหอมกลิ่นเข้มข้นส่วนใหญ่ที่เราซื้อกันก็จะเป็นประเภทนี้ มีความหอมติดทนนาน 4-6 ชม.
3. Eau de Toilette : น้ำหอมระดับเข้มข้นปานกลาง
มีส่วนผสมของหัวน้ำหอม 4-8% แอลกอฮอล์ 80-90% และน้ำ 10-20% กลิ่นก็จะอ่อนลงมาอีกระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับคนที่ชอบกลิ่นหอมที่ไม่ต้องแรงมาก แต่ก็ไม่อ่อนเสียจนคนเฉพาะคนที่เข้าใกล้เท่านั้นถึงได้กลิ่น และยังเป็นน้ำหอมประเภทที่นิยมที่สุดด้วย เพราะระดับความหอมกำลังดี ไม่อ่อนและไม่ฉุนจนเกินไป และหนุ่มๆก็นิยมใช้กลิ่นอ่อนๆแบบนี้ค่ะ เพราะกลิ่นจะไม่ไปตีกับกลิ่นร่างกายของเขา กลิ่นจะติดทนนาน 3-4 ชม.
4. Eau de Cologne : น้ำหอมระดับเบาบาง
มีส่วนผสมของหัวน้ำหอม 4-8% แอลกอฮอล์ 70% และน้ำ 30% เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นจางที่สุด ผู้ชายจะชอบใช้แบบนี้มาก เพราะให้กลิ่นหอมอ่อนๆแบบสดชื่น สะอาดๆ เมื่อผสมกับกลิ่นตัวแล้วไม่ตีกันจนยุ่ง ส่วนใหญ่จะมาในขวดแบบเทได้ สามารถเทใส่มือแล้วประพรมได้ตามตัวเท่าที่ต้องการเลยค่ะ มีความหอมติดทนนานประมาณ 3 ชม.ได้อารมณ์ประมาณ Aftershave โคโลญจน์
3. ฉีดน้ำหอมที่ข้อมือแล้ว ห้ามเอามาถูใส่กัน
อันนี้เป็นข้อห้ามเลยนะคะ เพราะจะทำให้กลิ่นเปลี่ยนกลายเป็นไม่หอมเหมือนเดิม เพราะน้ำหอมจะช้ำ แค่ฉีดเฉยๆแล้วปล่อยให้แห้งเองก็พอค่ะ เพิ่มเติมอีกนิดนึงในเรื่องตำแหน่งของการฉีดน้ำหอม ที่จะทำให้น้ำหอมทำงานออกกลิ่นได้ดีที่สุด และหอมยาวนานที่สุด ได้แก่
1. ข้างลำคอ บริเวณใต้ติ่งหู
2. ข้อพับศอก
3. ข้อมือ
4. ข้อพับเข่า
5. ไหปลาร้า
6. ร่องอก
7. สะดือ
8. หน้าแข้ง
9. ขาหนีบ
9 จุดนี้ท่องให้ขึ้นใจ รับรองว่าชายใดได้กลิ่นจะต้องหลงรักหัวปักหัวปำแน่ๆคร่าาาาา 555
Image source : eli.mama.lt
4. น้ำหอมขวดเดียว ไม่ได้มีกลิ่นเดียว
น้ำหอมนั้นไม่ได้มีกลิ่นเดียวกันตลอดทั้งวัน กลิ่นแรกที่เราสัมผัสได้เมื่อฉีดในทันทีเรียกว่า "Top notes" ซึ่งกลิ่นนี้จะอยู่กับเราประมาณ 10-20 นาที กลิ่นต่อมาที่เราจะได้กลิ่นก็คือ "Middle notes" เป็นกลิ่นหลักที่จะติดตัวเราไปตลอด 3-6 ชม. ส่วนกลิ่นสุดท้ายก็คือ "Base notes" เมื่อกลิ่นน้ำหอมจางไปแล้วก็จะเหลือเพียงกลิ่นอ่อนๆจาก Base notes เท่านั้น ซึ่งจะติดตัวเราไปตลอดทั้งวันค่ะ
ดังนั้นการเลือกซื้อน้ำหอมเราจึงต้องมีเวลาทั้งวัน เริ่มจากเดินไปลองน้ำหอมที่เคาน์เตอร์ก่อน จากนั้นก็อาจจะไปเดินเล่น ทานข้าว ดูหนัง ฯลฯ อะไรก็ว่าไป จากนั้นก็ลองดมดูค่ะว่ายังชอบกลิ่นนี้อยู่ไหม ถ้าสาวๆที่สูบบุหรี่ก็ต้องทดลองสูบดู ว่ากลิ่นน้ำหอมกับกลิ่นบุหรี่ตีกันไหม ส่วนสาวๆที่ชอบเล่นกีฬาฉีดแล้วก็เข้าฟิตเนสไปเลยค่ะ จะได้รู้ว่ากลิ่นโอเคไหมถ้าเราเล่นกีฬา
เรื่องราวของน้ำหอมเหล่านี้สาวๆอาจจะรู้แล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ ถือว่าได้ทบทวนความรู้เก่าๆเอาขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ เรื่องพวกนี้สำคัญมากที่เราจะต้องรู้เลยค่ะ เพราะการซื้อน้ำหอมโดยไม่รู้ มักจะส่งผลร้ายเสมอ (เสียเงินและเสียความรู้สึก 555) รู้อย่างนี้แล้วจะได้ไม่รีบด่วนตัดสินใจซื้อก่อนทดลองน้ำหอมจริงๆ ซื้อมาแล้วก็ฉีดได้อย่างถูกจุด ที่สำคัญควรจะเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราด้วยนะคะ
Cover original image : eli.mama.lt