สวัสดีค่ะสาวเฟียร์ซ~ ในปี 2015 ที่ผ่านมาเครื่องสำอางออกใหม่เยอะมาก เดือนหนึ่งๆนี่ฟาดไปหลายคอลเลคชั่น แต่ละตัวก็มีความดีงามต่างกัน ซึ่งวันนี้เฟียร์ซจะมาเปิดเผยลิสต์เครื่องสำอางที่สุดแห่งปี 2015 มาดูกันสิว่าจะมีตัวไหนได้เข้ามาอยู่ในลิสต์ The Best Color Cosmetics ของเฟียร์ซบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
Photo credit : KitiyaKamdee/Fiercebook.com
1. Eyeshadow Palette : อายแชโดว์พาเลท
Urban Decay Naked Smoky
(ราคา 2,200 บาท, www.central.co.th)
อายแชโดว์พาเลทที่ถือว่าดีที่สุดในทุกๆด้าน ทั้งในเรื่องสีที่อัดแน่นถึง 12 สี มีครบทั้งเนื้อแมทท์และชิมเมอร์ มีสีโทนดำ เทา น้ำตาล และพีช ถือว่าจัดพาเลทได้เพอร์เฟ็คต์ที่สุด พาเลทนี้วางตำแหน่งอายแชโดว์ได้ลงตัวมากๆ เพราะสีที่เข้ากันจะอยู่ข้างๆกันเลย ทำให้สาวๆแต่งตาได้ง่ายขึ้น Naked เป็นอายแชโดว์ที่เม็ดสีแน่นมาก เนื้อเนียนละเอียด คุณภาพดี และติดทนนานแม้ไม่ใช้ไพรเมอร์ค่ะ
2. Blush : บลัชออน
Hourglass Ambient Lighting Blush
(ราคา 1,300 บาท, www.hourglasscosmetics.com)
บลัชปีนี้เฟียร์ซเลือกมาทั้ง 2 เนื้อ ทั้งเนื้อฝุ่นและเนื้อครีม บอกเลยว่าบลัชนี่เลือกยากมากกกก มีที่ชอบหลายตัวเลยค่ะ เนื้อฝุ่นขอยกตำแหน่งให้กับ Hourglass Ambient Lighting Blush เพราะเป็นบลัชที่ปัดยังไงก็ไม่โป๊ะ ปัดง่ายมาก เวลาแตะลงไปที่ผิวนางจะกระจายตัวเอง พร้อมไฮไลท์เบาๆในตัว ช่วยหักเหแสงให้หน้าดูมีมิติ ให้แก้มแบบนัวๆ ละมุน ไม่เป็นกระจุกค่ะ (ของ Tarte ก็ยังชอบอยู่นะ แต่ปีก่อนเคยเลือกไปแล้ว ปีนี้ก็ขอชอบแบรนด์อื่นบ้างนะคะ)
Burberry Lip & Cheek Bloom
(ราคา 1,500 บาท, us.burberry.com)
ส่วนบลัชเนื้อครีมต้องยกมงให้กับ Burberry Lip & Cheek Bloom เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้กับทั้งแก้มและปาก แต่ส่วนตัวชอบในฟังก์ชั่นบลัชมากกว่า แตะลงไปที่ผิวแล้วเนื้อบลัชจะกระจายตัวอ่อนๆ ไม่เข้มเกินไป ให้สีชมพูระเรื่อเหมือนแก้มอมชมพูเองอะไรเอง ที่สำคัญติดทนนานตลอดวัน รองพื้น-แป้งไปหมดแล้วนางยังอยู่ค่า~ เริ่ดๆๆ อินเทรนด์แก้มแบบสุขภาพดีสุดๆค่ะ
3. Lipstick : ลิปสติก
ในส่วนของลิปสติกนั้น บอกเลยว่าเฟียร์ซชอบแบบที่สีจัดจ้าน ทาแล้วปัง ที่สำคัญปากจะต้องดูสวยสุขภาพดี ไม่แตกระแหงลอกเป็นขุย และไม่ทำให้ริมฝีปากดูแก่สูงวัย เช่น ปากไม่เป็นร่อง ไม่แห้งกรัง อะไรประมาณเนี่ยค่ะ
Christian Louboutin Lipstick
(ราคา 3,300 บาท, us.christianlouboutin.com)
ลิปสติกที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเนื้อแมทท์และไม่แมทท์ก็คือ Christian Louboutin Lipstick ของเขามี 3 เนื้อ ดีทั้ง 3 เนื้อ โดยเฉพาะแมทท์แบบดีมากกกกก เม็ดสีแน่น สีสวย ไม่ทำให้ปากแห้งเป็นขุยค่ะ แต่ราคาก็สูงลิบ ดังนั้นเลือกสีที่ชอบที่สุดนะคะ
Lancôme L’Absolu Rouge Définition
(ราคา 1,250 บาท, www.central.co.th)
ในส่วนของ Christian Louboutin อาจจะหาซื้อยากไปหน่อย เรามาดูลิปสติกที่มีขายในไทยกันบ้าง เนื้อแมทท์ก็ต้อง Lancôme L’Absolu Rouge Définition เม็ดสีตัวนี้แน่นมาก สีติดทนนาน มีสีที่สวยงาม เนื้อแมทท์สนิทแต่ไม่ทำให้ริมฝีปากแห้งค่ะ
Tom Ford Lip Color
(ราคา 1,900 บาท, www.tomford.com)
ลิปสติกเนื้อครีมก็ต้อง Tom Ford Lip Color สีสวยทุกสีเลยค่ะ เนื้อครีมของ Tom Ford แบบว่ามันดีมาก วาวกำลังงาม เม็ดสีแน่นและติดทนนาน แท่งละกี่บาทก็ยอมซื้อค่ะ
Yves Saint Laurent Rouge Volupté Shine
(ราคา 1,400 บาท, www.central.co.th)
ส่วนลิปสติกเนื้อที่มีความวาวสวยงามก็คือ Yves Saint Laurent Rouge Volupté Shine เม็ดสีจะชัด และให้ความแวววาวแบบสวยอ่ะค่ะ วาวไม่เหมือนปากมันของทอด และเนื้อให้ความสบายกับริมฝีปาก ไม่รู้สึกรำคาญค่ะ
4. Lipgloss : ลิปกลอส
Dior Addict Gloss
(ราคา 1,100 บาท, www.dior.com)
ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ลิปกลอส แต่ก็มีตัวที่ชอบเหมือนกัน นั่นก็คือ Dior Addict Gloss ตัวนี้จะแวววาวมาก เงาจนแทบจะสะท้อนเงาได้ และที่สำคัญไม่เหนียว ไม่รำคาญปาก แต่ละสีก็สวยหวาน สาวๆที่ชอบลิปกลอสควรจัด Dior สักแท่งค่ะ
4. Liquid lipstick : ลิควิดลิปสติก
Stila Stay All Day Liquid Lipstick
(ราคา 780 บาท, www.stilacosmetics.com)
ช่วงนี้ลิปลิควิดเนื้อแมทท์กำลังฮิต หลายแบรนด์ก็เริ่มทำออกมาขายแข่งกันให้วุ่น แต่ตัวที่สาวๆจะต้องมีเลยก็คือ Stila Stay All Day Liquid Lipstick เม็ดสีนางแน่นมาก แมทท์สนิทแต่ไม่ทำให้ปากแห้ง ติดทนนานตลอดทั้งวัน และสีก็สวยน่าโดนทุกสี ใครที่ยังไม่เคยลอง ต้องลองตัวนี้ก่อนเลยค่ะ
5. Eyeliner : อายไลน์เนอร์
Stila Stay All Day Liquid Eyeliner
(ราคา 750 บาท, www.stilacosmetics.com)
วิธีการเลือกอายไลน์เนอร์ของเฟียร์ซ หลักๆเลยก็คือ 1.สีดำสนิท 2.ติดทนไม่แพนด้า 3.เขียนง่ายใช้งานถนัดมือ 4.ล้างออกง่ายไม่ต้องถูแรง ข้อสุดท้ายนี่สำคัญมาก ไม่ใช่สักแต่ว่าติดทนแล้วล้างไม่ออกอันนี้ก็ไม่ไหวนะคะ ตัวที่เป็น The Best แบบปากกาก็คือ Stila Stay All Day Liquid Eyeliner ตัวนี้เขียนง่าย สีดำสนิท ติดทนนานและล้างได้ไม่ยาก ราคาก็กลางๆไม่แรงมากค่ะ
Lancôme Artliner
(ราคา 1,200 บาท, www.lancome-usa.com)
ส่วนแบบจิ้มจุ่มต้องยกให้กับ Lancôme Artliner อายไลน์เนอร์ที่ดำสนิท ปลายฟองน้ำไม่นิ่มเกินไป ทำให้บังคับเส้นได้ง่าย เนื้ออายไลน์เนอร์แห้งแล้วจะไม่เงา และติดทนนานค่ะ
6. Eyebrow Pencil : ดินสอเขียนคิ้ว
Tom Ford Brow Sculptor
(ราคา 1,650 บาท, www.tomford.com)
Hourglass Arch Brow Sculping Pencil
(ราคา 1,200 บาท, www.hourglasscosmetics.com)
มาถึงดินสอเขียนคิ้วกันบ้าง แบบหัวตัดต้อง Tom Ford Brow Sculptor เพราะเนื้อนุ่ม เขียนง่าย ให้เส้นที่สวยเป็นธรรมชาติ สีสวย และติดทนนาน เสียดายมีแค่ 4 สี ใครที่อยากได้สีเยอะกว่านี้ให้ลอง Hourglass Arch Brow Sculping Pencil ที่เป็นแบบหัวตัดเหมือนกัน ดีพอๆกันตัดใจเลือกไม่ถูกจริงๆ แต่มีสีให้เลือกเยอะกว่าค่ะ
Urban Decay Brow Beater Microfine Brow Pencil and Brush
(ราคา 1,100 บาท, www.urbandecay.com)
ส่วนใครไม่ชอบแบบหัวตัดก็ต้อง Urban Decay Brow Beater เป็นดินสอเขียนคิ้วที่เส้นเรียวเล็ก ให้เส้นสวยดูเป็นธรรมชาติ และติดทนนานตลอดทั้งวัน เริ่ดทั้ง 3 ตัวเลยค่ะ
7. Brow Mascara : เจลแต่งคิ้ว
Benefit Gimme Brow
(ราคา 950 บาท, www.benefitcosmetics.com)
เจลแต่งคิ้วหรือมาสคาร่าคิ้ว The Best ของปีนี้ก็ยังคงเป็นตัวเดิม นั่นก็คือ Benefit Gimme Brow หน้าที่หลักของมาสคาร่าคิ้วก็คือ 1.จัดคิ้วอยู่ทรง 2.เคลือบสีสำหรับคนทำสีผม บอกตามตรงว่าแบรนด์อื่นใช้แล้วไม่ค่อยเห็นความแตกต่างก่อนปัดและหลังปัดเท่าไร แค่คิ้วอยู่ทรงและได้รูปสวยขึ้น แต่ Gimme Brow จะเห็นชัดเลยว่าขนคิ้วดูหนาขึ้น และยาวมากยิ่งขึ้น และที่เริ่ดยิ่งกว่าแบรนด์อื่นคือมันดูเหมือนไม่ได้ปัด ช่วยให้คิ้วสวยขึ้นมาทันตาเลยค่ะ
8. Mascara : มาสคาร่า
NARS Audacious Mascara
(ราคา 1,080 บาท, www.central.co.th)
สำหรับมาสคาร่ามีที่ชอบหลายตัวเลยค่ะ ขออนุญาตให้รางวัลมาสคาร่ารุ่นใหม่ๆที่ออกในปี 2015 ก็แล้วกัน ตัวแรก Nars Audacious Mascara มาสคาร่าที่ดีเลิศในทุกๆด้าน ทั้งช่วยยกขนตาให้งอน เพิ่มวอลุ่มให้ขนตาดูหนา และยาวเรียงเส้นสวย สามารถปัดทับได้หลายชั้นถ้าต้องการความหนา แต่ขนตาจะไม่เกาะกันเป็นก้อน นอกจากนี้ยังมีสารบำรุงขนตาอีกด้วย ที่สำคัญล้างง่ายไม่ต้องถู คือมันดีอ่ะค่ะ อยากได้ลุคธรรมชาติก็จัดได้ หรือลุคตาแน่นๆก็จัดได้ บอกลาขนตาปลอมได้เลยค่ะ
Urban Decay Perversion Mascara
(ราคา 900 บาท, www.urbandecay.com)
ส่วนอีกตัวหนึ่งเรียกว่าเป็นลูกรักของเฟียร์ซเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ Urban Decay Preversion Mascara สีดำสนิท ช่วยให้ขนตาหนาขึ้น ยาวขึ้น และแผ่เรียงเส้นสวย ขนแปรงอาจจะดูใหญ่ไป แต่สามารถซอกซอนได้ทุกเส้นขน ล้างออกง่าย และไม่แพนด้าระหว่างวันค่ะ
L’Oreal Paris Volume Supreme Millions Mascara
(ราคา 449 บาท, www.lorealparisthailand.com)
เอาใจสาวกดรักสโตร์นิดนึง กับมาสคาร่าดรักสโตร์ที่ดีคุ้มค่าคุ้มราคา หลายตัวทำได้ดีไม่แพ้ไฮ-เอนด์ แล้วแต่รูปตาและขนตาของสาวๆด้วยแหละ ว่าจะเหมาะกับตัวไหน ส่วนตัวที่แนะนำเลยว่าซื้อแล้วไม่ผิดหวังก็คือ L’Oreal Paris Volume Supreme Millions Mascara ตัวนี้ช่วยให้ขนตางอนยาว และให้ความหนาได้เป็นธรรมชาติ เหมือนขนตาเราหนาเองอะไรเอง ตัวนี้ไม่ตกเลอะใต้ตาด้วยเริ่ดมากค่ะ
Kiss Me Heroine Make Super Water Proof Volume & Curl Mascara
(ราคา 480 บาท)
และอีกตัวที่ก็ชอบเหมือนกันก็คือ Kiss Me Heroine Make Super Water Proof Volumn & Curl Mascara แต่ตัวนี้จะอยู่ทนกว่า L’Oreal เพราะเป็นสูตรกันน้ำค่ะ
กว่าจะเขียนเสร็จเล่นเอาเหนื่อย เหนื่อยเพราะเลือกของไม่ถูก แต่ละแบรนด์ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป แต่ยังไงก็ต้องตัดใจเลือกเพื่อสาวเฟียร์ซ ทำให้ได้ลิสต์เครื่องสำอาง 'The Best' ที่สุดแห่งปี 2015 อย่างที่เห็นเนี่ยแหละค่ะ ใครสนใจแบรนด์ไหนก็ไปหามาลองซะ บอกเลยว่าเด็ดจริงอะไรจริง แล้วอย่าลืมติดตามกันต่อในส่วนของงานผิว เช่น รองพื้น คอนซีลเลอร์ แป้ง ฯลฯ ต้องขอยกไปบทความหน้านะคะ สาวๆอย่าลืมช้อปอย่างมีสติ คิดก่อนซื้อทุกครั้งนะคะสาวเฟียร์ซ :)