เทรนด์ผมสมัยนี้ต้องทำสี! เพราะแค่ทำสีอะไรๆก็ง่ายขึ้น ทั้งทรงที่จะเห็นชัดขึ้น ผมที่ดูเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เคยไหมคะ เพิ่งเดินออกจากร้านหยกๆ แต่ไม่มีใครดูออกว่าคุณไปทำอะไรกับผมมา หรือไม่ว่าจะตัดผมกี่ทรงๆหน้าก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การทำสีผมเท่านั้นคือคำตอบ ใครที่กำลังคิดจะทำสีผมอยู่วันนี้เฟียร์ซมีเทคนิคดีๆมาฝาก รับรองได้ผมสวยสลวย สบัดได้ไม่ต้องเกล้า และผมไม่แห้งกรอบเป็นปลาเส้นเข้าไมโครเวฟด้วยค่ะ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่า~
1. เลือก "สีผม" ให้เข้ากับสีผิว
ก่อนอื่นเลยก็ต้องเลือกสีให้เข้ากับสีผิว ถ้าเลือกสีไม่ตรงกับ undertone ไม่ว่าจะสีผมแซ่บแค่ไหนก็มีโอกาสหน้าหมอง เหมือนเลือกรองพื้นผิดเบอร์ตลอดเวลา บางทีไม่ได้ผิดที่รองพื้นนะคะ ผิดที่สีผมค่ะ ที่สี!! วิธีการเลือกก็ง่ายมาก
Warm undertone คือคนที่สีผิวอมเหลือง
เหมาะกับทำผมในสีโทนสีทอง สีบลอนด์(โทนอมเหลือง) สีส้ม(พีช หรือแอปปริคอต) สีน้ำตาล(บรูเน็ต)
ผมสีบลอนด์ | ผมสีแอปริคอต | ผมสีน้ำตาลบรูเน็ต
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
Cool undertone คือคนที่มีผิวอมชมพู
เหมาะกับโทนสีน้ำตาล สีดำ สีแดง(เบสน้ำเงิน) สีบลอนด์(โทนอมเทา) สีเทา สีแอชค่ะ
ผมสีไลท์บลอนด์ | ผมสีแอชบลอนด์ | ผมสีดำ
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
ส่วนสีชมพูที่กำลังฮิต เชื่อว่าใครๆก็อยากลองทำใช่ไหมล่ะ สีชมพูเป็นสีที่ใครๆก็ทำได้ แต่! ต้องเลือกเฉดให้เข้ากับ skintone ค่ะ ถ้าขาวมากๆ ก็เลือกชอมพูซีด ถ้ามีสีผิวขึ้นมาหน่อยก็ทำสีชมพูพาสเทล และถ้ามีผิวสีน้ำผึ้งก็ทำสีชมพูเข้มขึ้นไปตามลำดับค่ะ
Image source : www.stylebistro.com
2. ทำแล้วต้อง "ดูแล"
ทำสีผมมาแซ่บๆแล้ว ก็ต้องดูแลกันไปให้ตลอดรอดฝั่งนะคะสาวๆ พอกันทีกับการสวยแค่สี่วัน คือวันแรกที่ทำกับสามวันต่อมาที่ช่างห้ามสระผม เพราะสระเสร็จชีวิตเปลี่ยน ที่ทำมาทั้งหมดคืออะไร เพราะหัวใจหลักของการมีสีผมที่สวยสม่ำเสมอคือ “การดูแลหลังทำสี” จะให้ไปซาลอนทุกวันก็คงจะไม่ไหว ครั้งหนึ่งไม่ใช่บาทสองบาท ดังนั้นต้องหาผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลแบบง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน แถมได้ผลลัพธ์เหมือนไปซาลอนแพงๆอีกด้วย
Image source: www.tresemmethailand.com
TRESemmé Platinum Strength Shampoo / Conditioner / Treatment
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสภาพผมและดูแลสีผมได้จริง บอกเลยว่าเลือกผิดชีวิตเปลี่ยน อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ TRESemmé Platinum Strength สูตรนี้ช่วยฟื้นฟูและชุบชีวิตให้ผมที่บอบบาง อ่อนแอ แห้งเสียจากสารเคมี และโดนความร้อนจนหักพัง ให้กลับมามีสุขภาพดีได้ ช่วยให้ด้านในของเส้นผมที่บาดเจ็บล้มตายกลับมามีชีวิตชีวาและเปล่งประกายเงางามได้อีกครั้ง ใช้แค่ 5 ครั้งเท่านั้นค่ะ รู้เรื่อง! ไม่เชื่อต้องลองค่ะ
3. เลือก "ทรงผม" ที่เหมาะกับสี
ได้สีผมที่ถูกใจและมีสุขภาพดีแล้ว ลุคจะผ่านหรือไม่นั้น กว่า 80% อยู่ที่ทรงผมค่ะ จะปังหรือจะพังก็ดูกันตรงนี้แหละค่าาาา บอกเลยว่าถ้าทำสีมาอย่างดิบดี แต่เลือกทรงผิด ก็จะทำให้ลุคของเราดูครึ่งๆกลางๆ คือสวยไม่สุด จริงๆแล้วการเลือกทรงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งรูปหน้าและการแต่งตัว แต่วันนี้เฟียร์ซก็มีทิปส์เล็กๆในการปรับผมทำสีให้ดูปังขึ้นแซ่บขึ้นอีกนิดนึงมาฝากค่ะ มาดูกันเลย~
ผมสีแดง แบบตรง > ปังกว่า > แบบลอน
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
ผมแสกข้าง > ปังกว่า
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
ผมแสกกลางต้อง "บีชเวฟ"
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
ผมสีน้ำตาล ต้องทรงสไตล์หวาน > ปังกว่า
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
4. ทำสีแล้วต้อง "เซ็ต"
การเซ็ตผมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ความแซ่บเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ถ้าอยากเซ็ตผมให้สวย อันดับแรกเลยผมจะต้องมีสุขภาพดีก่อน ไม่งั้นการเซ็ตจะทำได้ยากมาก แหม อุตส่าห์ลงทุนกับผมมาขนาดนี้ จะให้เอะอะรวบตึง ทำทรงถูกระเบียบอะไรกันนักหนาคะคุณตำรวจจจจ ทำมาทั้งทีต้องแซ่บให้คุ้ม เซ็ตวนไปค่ะ! เรามาดูกันดีกว่าว่าเวลาที่เหล่าเซเลบฯดาราเขาไม่เซ็ตผมแล้วจะเป็นยังไง
คนแรก Taylor Swift ตอนไม่เซ็ตผม นี่ออกแนวเพื่อนสาวข้างบ้านเราไหมล่ะคะ แต่หน้านางสวยไงเลยรอด คนเราไม่สวยก็ต้องเซ็ตผมช่วยนะคะ
Image source : www.stylebistro.com | www.meltyfan.it
คนที่ 2 Kristen Stewart ตอนไม่เซ็ตผม ผมก็ดูลีบแบนและกระเซิงมาก แต่บังเอิญทรงนี้เข้ากับลุคเซอร์ๆของนาง เมื่อบวกกับหน้าสวยเป๊ะแล้ว ก็ดูสวยเซอร์แซ่บไปอีกแบบค่ะ
Image source : www.stylebistro.com | tomandlorenzo.com
คนที่ 3 Bella Hadid คนนี้ออกงานทีไรผมสวยเป๊ะตลอด แต่ในวันสบายๆของเธอ ผมก็กระเซิงไม่ต่างจากเราเลยค่าาาา
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
คนสุดท้าย Jessica Alba ทรงผมออกงานเป๊ะตลอด สวยตลอด แต่ดูตอนไม่เซ็ตสิคะ กระเซิงไม่แพ้กัน ภาพนี้น่าจะเป็นตอนขึ้นจากสระว่ายน้ำหมาดๆ ผมเลยดูเปียกๆ ดูไม่จืดเลยใช่ไหมคะ ดังนั้น ผมเปียกอยู่ห้ามออกจากบ้านค่ะ! ขนาด Jesscica ยังไม่รอดเลย
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
5. "แต่งหน้า" ให้เสริมสีผม
จริงๆแล้วไม่ว่าจะมีผมสีไหนก็ต้องคำนึงเรื่องสีเมคอัพอยู่แล้วนะคะ แต่เฟียร์ซแค่ยกตัวอย่างมาให้ดูกัน ว่าคนที่ทำสีผมจะสนุกกับการแต่งหน้าได้มากขึ้น แต่งได้หลายลุคหลายโทน เช่น โทนน้ำตาลนู้ดก็เก๋ ไม่ดูป่วยเหมือนที่เคยเป็น โทนจัดๆก็แซ่บแรงแซงหน้าเพื่อน จะลองเล่นสีลิปสติกให้เข้ากับสีผมก็สนุก หรือแค่แต่งหน้าใสๆก็ดูแซ่บโดยไม่มีสาเหตุค่ะ เริ่ด!
ลิปสติกสีแดงเหมาะกับสีผมอ่อนสุดและเข้มสุด
จริงๆแล้วผู้หญิงทุกคนสามารถทาลิปสติกสีแดงได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ทำสีผมอ่อนสุดและเข้มสุด จะได้ลุคที่ปังที่สุดค่ะ
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
ผมสีน้ำตาลแต่งหน้าลุค "สโมคกี้อายกับลิปสติกสีนู้ด" ปังที่สุด
จะทำให้ได้ลุคเซ็กซี่ น่าค้นหามากๆค่ะ
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
สาวผมบลอนด์ไม่เหมาะกับลิปสติกสีชมพูนีออน
บอกตรงๆคือสีมันตัดกันเกินไปอ่ะค่ะ เห็นแล้วชะงัก แต่ถ้าเป็นลิปสติกสีชมพูอ่อน สวยซอฟจะดูปังกว่าค่ะ แต่ถ้าอยากดูเปรี้ยวแซ่บแนะนำเป็นลิปสติกสีแดง หรือสีส้มไปเลย รับรองเริ่ดเจิดแน่นอนค่า~
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
ผมสีอ่อน ไม่ควรทาลิปสติกสีนู้ด
ลุคนี้ Olivia Palermo ดูป่วยมาก ควรเบนเขมไปทางลิปสติกสีนู้ดอมชมพูแทนค่ะ
Image source : www.stylebistro.com
ผมสีดำ/สีน้ำตาลเข้ม ทาลิปสติกได้ทุกสี
โชคดีของสาวผมดำที่สามารถทาลิปสติกสีอะไรก็ได้ แต่ ณ จุดๆนี้ สาวไทยส่วนใหญ่ก็มีผมสีดำนะคะ ถ้าอยากมีลุคที่แตกต่างลองเปลี่ยนสีผมดูดีกว่าค่ะ
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
สาวผมแดง Copper เหมาะกับลิปสติกโทนชมพู
ไม่ว่าจะเป็นชมพูเฉดไหนก็ปังค่ะ จัดไป! อีกสีหนึ่งที่เหมาะก็คือสีแดง แต่บอกเลยว่าลิปสติกสีชมพูปังกว่าเยอะ โดยเฉพาะชมพูอมม่วง เจิดมากค่ะ
Image source : www.stylebistro.com | www.stylebistro.com
เป็นยังไงบ้างคะสาวๆกับเทคนิคอัดจัดเต็มเรื่องการทำสีผม โดยเฉพาะที่เฟียร์ซนำมาฝากวันนี้ ใครที่อยากทำสีผมแต่กล้าๆกลัวๆ กลัวผมเสียบ้าง กลัวไม่เข้ากับหน้าบ้าง ขอบอกอีกทีว่าไม่ต้องกลัวค่ะ อย่างที่บอกไปหัวใจของการทำสีผมให้สวยปังไม่พังกลางทางก็คือ “การดูแลหลังทำสี” ไม่ว่าจะมีผมสีไหน ถ้าดูแลให้สวยสุขภาพดีเข้ายังไงก็รอดชัวร์ เทคนิคก็ขนมาให้แล้ว ตัวช่วยก็มีให้แล้ว แล้วจะรออะไร รีบไปเปลี่ยนสีแล้วใช้ TRESemmé Platinum Strength ดูแลผมคุณให้สีแซ่บและไม่เสียกันเถอะค่า~