วันนี้เฟียร์ซขอพาสาวๆเที่ยวนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) หรือไซ่ง่อน (Saigon) เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม เมืองนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์การสู้รบมากมาย แต่ปัจจุบันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เป็นเมืองเดินเล่นชิลๆ อาหารอร่อย และศึกษาประวัติศาสตร์ ถ้าสาวๆชอบไปเที่ยวแบบไม่ลำบากมาก ต้องมาที่นี่เลย เพราะการเดินทางสะดวกสบาย ค่าครองชีพไม่แพงอีกด้วย จะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างตามเฟียร์ซมาเลย
ต้องบอกก่อนว่าการเดินทางครั้งนี้เป็น Media Trip ซึ่งทางโรงแรม Windsor Plaza Hotel Saigon เป็นเจ้าภาพเชิญเราไปพักและพาเที่ยวทั้งหมด โรงแรมตั้งอยู่ใน District 5 อยู่ติดกับ District 1 เลยค่ะ เดินทางสะดวกสบายจากสนามบินนานาชาติเตินเซินเญิ้ต 30 นาที ที่ District 5 เป็นไชน่าทาวน์ของเวียดนาม บ้านเมืองยังเป็นวิถีชาวเวียดนามอยู่มากเลยทีเดียว
Photo credit : windsorplazahotel.com
Day 1 ทัวร์โรงแรม & เที่ยวไชน่าทาวน์
เมื่อมาถึงโรงแรมมื้อแรกเราทานกันที่ Ngan Dinh Restaurant ห้องอาหารจีนของโรงแรม ที่นี่มีห้องอาหารหลากหลาย ทั้งอาหารจีน อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ และอาหารเวียดนาม ที่สำคัญอร่อยทุกอย่าง! บอกเลยว่าพักที่นี่ไม่ต้องกลัวอดตาย อาหารถูกปากคนไทยแน่นอน
Photo credit : windsorplazahotel.com
ทานเสร็จก็เดินทัวร์โรงแรมเป็นการย่อยอาหารเพลินๆ ที่นี่มีทุกอย่างจริงๆ ใครมีแพลนอยากเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ แบบขี้เกียจออกไปข้างนอกล่ะก็ อยู่ที่นี่ได้สบายๆ มีทั้งห้องอาหาร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สปา คลับเลาจน์ชั้นดาดฟ้า (มีคาราโอเกะด้วย) ห้องจัดเลี้ยงใหญ่อลังการ (มีหลายห้องให้เลือกใช้) ห้องประชุม ห้องคอมฯ (Business center) ห้องเล่นเด็ก ครบเครื่องจริงๆค่ะ
อันนี้เป็นบรรยากาศตอนกลางวันค่ะ แต่ปกติห้องอาหารชั้นนี้เปิดเฉพาะมื้อเย็น
ตอนกลางคืนชั้นดาดฟ้าจะเป็นคลับสำหรับนั่งสังสรรค์ มีบาร์ และคาราโอเกะด้วย คนเวียดนามชอบร้องคาราโอเกะ วิวเมืองจากชั้นดาดฟ้าสวยมากกกก เพราะตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดใน District 5
สระว่ายน้ำ
ห้องฟิตเนสก็มีค่ะ มาพักนานๆก็ออกกำลังกายได้ ไม่ต้องกลัวย้วย
โถงห้องจัดเลี้ยง นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่นี่มีที่จัดเลี้ยงหลายส่วน หลายแบบให้เลือกเลยค่ะ
แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านั้นก็คือห้องพัก Presidental Suite ห้องนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ Chanel ทั้งหมด โอ้ยมันเริ่ดมากกกกก ดีงามน่านั่งน่านอนไปหมดเลยค่า~
โต๊ะยังเป็นมีดอกคามิลเลียเลยค่ะ สวยมากกกก
จากนั้นเราก็ออกไปทัวร์ไชน่าทาวน์กัน เป็นบริการจาก Buffalo Tour ที่เปิดเคาน์เตอร์อยู่ใต้โรงแรม ถ้านึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี ก็ปรึกษาทัวร์ได้ ราคาไม่แพงค่ะ
ย่านไชน่าทาวน์เต็มไปด้วยร้านค้าสไตล์จีน โรงเรียน และวัดจีน รวมทั้งเป็นที่ตั้งของ Fabric Street ขายผ้าเต็มสองข้างทาง นอกจากวัดจีนแล้วใน District 5 ก็ยังมีโบถส์ที่สวยงามอยู่ด้วยค่ะ
วัด Nhi Phu Temple ไหว้ขอพรให้ทำธุรกิจรุ่งเรือง
วัด Thien Hau Temple วัดนี้ก็ค่อนข้างดัง ถ้าเซิร์สคำว่า “Chinese temple Ho Chi Minh” วัดนี้ก็จะขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ จุดเด่นของวัดคือจะมีปล่องควันสีแดงอยู่ตรงกลาง และธูปขดห้อยเยอะมากค่ะ
ชาวเวียดนามเชื้อสายจีนจะมีความเชื่อเรื่องการห้อยธูปขดให้กับครอบครัวค่ะ
วัด Nghia An Hoi Quan Temple เป็นวัดที่สวยอลังการที่สุด ที่สำคัญมีจุดขอพรม้าสีแดง ของแม่ทัพ Quan Cong เขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรก็จะได้ตามปรารถนา วิธีขอพรคือลูบที่ตัวม้า สั่นเชือกสีแดงที่มีกระดิ่งห้อย แล้วลอดใต้ท้องม้า ทำ 3 รอบค่ะ ที่นี่ค่อนข้างดัง ระหว่างที่เรากำลังเยี่ยมชมวัด ก็มีชาวบ้านมาขอพรกันเพียบเลย
จุดขอพรกับม้าสีแดงของแม่ทัพ Quan Cong ค่ะ มาถึงที่แล้วอย่าลืมของพรล่ะ
ขากลับเราได้นั่งรถสามล้อถีบแบบเวียดนามกลับโรงแรม ตื่นเต้นมากๆๆ อย่างที่รู้กันว่าการจราจรที่นี่เต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ขับบีบแตรกันว่อนถนน ค่อนข้างขับมั่วและมึนมาก แต่ก็ไม่เห็นอุบัติเหตุเลยค่ะ เขาขับกันไม่เร็วและไม่มีใครใจร้อน ถ้าสาวๆมาเองรถสามล้อถีบเวียดนามอาจจะหายากสักหน่อย ต้องให้ไกด์เรียกให้ แถมยังปลอดภัยกว่าด้วยค่ะ
อาหารเวียดนามมื้อแรก
มาถึงเวียดนามทั้งทีก็ต้องรับประทานอาหารพื้นเมือง มื้อนี้เราทานกันที่ชั้น 25 เป็นอาหารเวียดนามแท้แบบ full course ซึ่งมื้อนี้เราได้รับเกียรติจากคุณอุรีรัชต์ รัตนพฤกษ์ กงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ มาร่วมรับประทานอาหารกับเราด้วยค่ะ
ออร์เดิร์ฟสไตล์เวียดนาม แค่จานแรกก็แน่นแล้วค่า~
ขอโทษที่ถ่ายมาให้ดูได้แค่จานแรกค่ะ เพราะอร่อยจนลืมถ่ายภาพเลย ฮ่าๆๆ
คุณอุรีรัชต์ รัตนพฤกษ์ กงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ค่ะ (คนกลางแถวหน้า)
Day 2 บุกอุโมงค์กู๋จี
อุโมงค์กู๋จี (Củ Chi tunnels) อุโมงค์ที่ชาวเวียดนามใช้หลบซ่อน ลำเลียงสเบียงอาหาร และหลอกล่อศัตรูออกมาฆ่า มีความยาวหลายกิโลเมตร ครอบคลุมหลายตำบล มีทางที่สลับซับซ้อน และลึกลงไปถึง 3 ชั้น ที่ต้องขุดอุโมงค์ก็เพราะทหารอเมริกันจะตัวใหญ่ เข้าอุโมงค์ไม่ได้ ช่องอุโมงค์จะเล็กพอดีตัวชาวเวียดนามเป๊ะ แต่อุโมงค์กู๋จีในปัจจุบัน เป็นอุโมงค์ที่ทำเพิ่มเติมให้นักท่องเที่ยวสามารถลอดได้ ไม่อึดอัดอย่างที่คิดค่ะ ในอุโมงค์ยังเป็นหลุมหลบภัยจากการปล่อยระเบิดทางอากาศ ภายในมีทุกสิ่งทุกอย่างครบ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย ห้องนอน ห้องครัว ห้องประชุม ห้องที่เชื่อมต่อกับแหล่งน้ำธรรมชาติ แม้แต่โรงพยาบาลก็ยังมีเลยค่ะ
ทางลงจริงๆเล็กมาก ต้องใช้สกิลการแทรกตัวลงไปในรูแคบๆ แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับคนตัวใหญ่ที่อยากลงไปสัมผัสชีวิตใต้อุโมงค์ เพราะที่นี่ทำบันไดทางลงสำหรับนักท่องเที่ยวไว้ด้วยค่ะ ได้ลงทุกคนแน่นอน
อุโมงค์ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองเดิน จะไม่เล็กอย่างที่คิดค่ะ
ห้องประชุมจำลอง
ห้องผ่าตัดจำลอง
การเดินทางไปอุโมงค์กู๋จีใช้เวลาจากโรงแรมไป 2 ชม. และกลับ 2 ชม. ควรทานอาหารเช้าไปให้พร้อมนะคะ
บุฟเฟต์อาหารนานาชาติสุดกระการตา
มื้อเย็นวันนี้เราได้ทานอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ แบบมีครบทุกชาติจริงๆ ทั้งเวียดนาม ไทย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ฝรั่ง และซีฟู้ดสดๆ แบบเดินชี้ที่ตู้ตัวเป็นๆ แล้วพนักงานจะย่างมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ เริ่ดเว่อร์ โซนของหวานก็อลังการงานสร้างขนมแน่นจัดเต็ม ที่สำคัญอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ มื้อเย็นของที่นี่คนแน่นทุกวัน แต่อาหารก็ไม่เคยพร่องเลยค่ะ ทานที่โรงแรมนี่แหละคุ้มมาก ใครเป็นมังสวิรัติก็มีอาหารมังบริการด้วยนะคะ
งานทะเลปิ้งย่างจัดเต็ม แถมมีคนย่างให้ แฮปปี้สุดๆค่า~
เที่ยวกลางคืนที่ District 1
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า District 5 ติดกับ District 1 ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ เราเดินทางโดยใช้ shuttle bus ของโรงแรม ซึ่งจะออกทุกๆ 1 ชม. ที่สำคัญบริการฟรี และมีไวไฟในรถ มันดีตรงนี้แหละ! ลงรถตรงไหนชั่วโมงถัดไปก็มารอรถที่จุดเดิม เดี๋ยวจะมีคันถัดไปมารับกลับโรงแรมค่ะ สาวๆอย่าลืมระวังตัวเอง ออกไปข้างนอกอย่าไปคนเดียว ให้ระวังกระเป๋าและมือถือ อย่าเดินเล่นมือถือเพลินนะคะ
The Cafe Apartment ที่ใครมาเที่ยวโฮจิมินห์ต้องมาค่ะ
เป็นเหล่งรวมคาเฟ่เก๋ๆ และร้านอาหาร ซึ่งดัดแปลงมาจากแมนชั่นเก่า สวยมาก
เนื่องจากเราไม่ได้เข้าไปใน The Cafe Apartment จึงต้องขอยืมรูปจาก Facebook ของแต่ละร้านมาค่ะ เข้าไปชมรูปเพิ่มเติมกันได้ที่ Fanpage ร้านเลยนะคะ แต่ละร้านมาแนวฮิปสเตอร์น่ารักมากๆ บอกเลยว่าถ่ายรูปสวยทุกมุมค่ะ
ร้าน The Letter Coffee & Clothing ใน The Cafe Apartment
Photo credit : www.facebook.com/TheLetterCoffee.Clothing
ร้าน Melee ใน The Cafe Apartment
Photo credit : www.facebook.com/meleesaigon
ร้าน Saigon Ơi ใน The Cafe Apartment
Photo credit : www.facebook.com/saigonoicafe
ร้าน Partea - English tearoom ใน The Cafe Apartment
Photo credit : www.facebook.com/letspartea
ใจกลาง District 1 คือลาน Ho Chi Minh Square เป็นลานขนาดกว้างที่วัยรุ่นจะออกมาพบปะพูดคุยกันยามค่ำคืน มีลานน้ำพุด้วยค่ะ รอบๆจะเป็นคาเฟ่น่ารักๆ เต็มไปหมด มีร้านอาหาร และบาร์อยู่มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวนั่งแถวร้านเหล้า ส่วนวัยรุ่นเวียดนามมักจะอยู่ตามร้านชาไข่มุกค่ะ
เครื่องดื่มยอดฮิตของเวียดนาม นอกจากกาแฟแล้วก็มีชาไข่มุกนี่แหละที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น ถ้าเห็นร้านไหนคนเข้าคิวเยอะๆล่ะก็ ขายชาไข่มุกแน่นอนไม่ต้องสืบ ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านที่มาจากไต้หวันและสิงคโปร์ รับรองอร่อยชัวร์ เราเดินรอบๆ District 1 จนเหนื่อยแล้วก็กลับโรงแรมด้วยแท็กซี่ ราคาแท็กซี่พอๆกับบ้านเราค่ะ ขึ้นได้สบายใจ ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ก็ถึงโรงแรมแล้ว ตอนกลางคืนรถไม่เยอะเท่าไร ที่นี่มีรถบ้าง แต่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วถือว่ารถไม่ติดค่ะ
Day 3 เรียนทำอาหารเวียดนาม
เพื่อให้เข้าถึงวัฒนธรรมเวียดนาม ทางโรงแรมจึงจัดคลาสทำอาหารเวียดนามให้เราเป็นพิเศษ สอนโดยเชฟของโรงแรม วันนี้ต้องทำ 3 เมนูง่ายๆ ได้แก่ สลัดเวียดนาม (Gỏi) ปอเปี๊ยะทอดเวียดนาม (Chả giò) และ ขนมเบื้องญวน (Bánh xèo) อร่อยทั้ง 3 เมนู ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำเองด้วยรึเปล่านะคะ ฮ่าๆๆ
สลัดเวียดนาม (Gỏi)
ปอเปี๊ยะทอดเวียดนาม (Chả giò)
ขนมเบื้องญวน (Bánh xèo)
หลังทานอาหารที่ทำเองเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาทำสปาก่อนกลับ ที่โรงแรมมีห้องสปาที่พนักงานนวดได้รับการอบรมจากครูคนไทย รับรองว่านวดดี มีมารยาทงาม ราคาไม่แพง เหมือนทำอยู่ที่ไทยเลยค่ะ ห้องแยกเป็นห้องส่วนตัวปิดมิดชิด มีให้เลือกทั้งนวดแผนไทย นวดผ่อนคลาย และนวดฝ่าเท้า ใครเมื้อยเนื้อเมื้อยตัวก็ลงมาใช้บริการกันได้ค่ะ
ลองชาไข่มุกที่เวียดนาม
ก่อนกลับลองออกไปเดินเล่นรอบๆโรงแรมสักหน่อย รอบๆตึกตามมุมต่างๆจะมีร้านขายชา-กาแฟ แบบนั่งเก้าอี้เตี้ยๆข้างทาง และอาหารรถเข็น ใครอยากลองก็เชิญได้ แต่วันนี้เราจะลองชาไข่มุกร้าน Queenny ข้างๆโรงแรมกัน เมนูที่เลือกคือไอศกรีม Rose Salt Caramel Milk มีใข่มุกด้านล่าง อร่อยเว่อร์! ใครมาต้องลอง จริงๆวันแรกที่มาถึงได้ลองชาไข่มุกแบบธรรมดาไปแล้วติดใจค่ะ เลยต้องมาซ้ำ ร้านนี้เด็ดจริงจนอยากให้มาเปิดสาขาที่ไทยเลยค่า~
เมนู Rose Salt Caramel Milk Ice cream อร่อยมากกกกก
จบแล้วกับการเดินทางมาเที่ยวโฮจิมินห์ District 5 ที่นี่อาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ก็สนุกไปอีกแบบ ได้มาเปลี่ยนบรรยากาศ และเห็นวิถีชีวิตของชาวเวียดนามที่ไม่ใช่คนเมือง ชาวเวียดนามน่ารักคุยเก่ง แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่เขาก็จะพยายามทำให้เราเข้าใจ เป็น 3 วัน 2 คืนที่สนุกและมีความสุขจริงๆค่ะ คราวหน้าต้องมาซ้ำอีกแน่นอน ยังมีอีกหลายที่เลยที่อยากไป
ขากลับฝนตกหนักเลยค่า~ พายุเข้า ดีนะที่เรากลับก่อน
และการเดินทางที่สะดวกสบายครั้งนี้ เฟียร์ซต้องขอบคุณโรงแรม Windsor Plaza Hotel Saigon มาก สาวๆที่กำลังหาที่เที่ยวใกล้ๆประเทศไทย แนะนำเลยว่าต้องไปเวียดนามสักครั้งในชีวิต ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะนะ แต่ไม่ค่อยพลุกพล่านจอแจ มีความเงียบสงบพอสมควร ใครยังไม่เคยมาต้องมาค่ะ เฟียร์ซคอนเฟิร์ม!
Special Thanks to Windsor Plaza Hotel Saigon for wonderful Trip in Vietnam, We'll back in Saigon again. :)