งานบ้าน งานเรือน นี่เป็นของคู่กับผู้หญิงอย่างเราๆ มาตั้งแต่สมัยไหนแล้วใช่มั้ยล่ะคะ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป งานบ้าน งานเรือน กับผู้หญิงกลับไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ สาวๆหลายคนแทบไม่เคยแตะงานบ้านเลย พูดถึงงานบ้านเมื่อไหร่ เรียกได้ว่าเป็นงานยากเลยก็ว่าได้ ก็แหม!! เดี๋ยวนี้งานนอกบ้าน มันวุ่นวายซะจน มองข้ามงานบ้านไป อันนี้เฟียร์ซเข้าใจค่ะ แต่ถึงยังไงสาวๆยุคใหม่ก็ควรจะมีความรู้เกี่ยวกับวิชาแม่บ้านติดตัวไว้บ้าง เพราะมันช่วยให้เราเอาตัวรอดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว หรือไปอยู่ที่ไหนกับใคร เพราะงั้นเตรียมตัวไปเรียนรู้กับ 20 วิชาแม่บ้านที่เฟียร์ซเอามาฝากกันเลยค่าาา ^^
การเตรียม และการซักเสื้อผ้า
Photo Credit :
1. เสื้อ ควรกลับด้านในออก เพื่อป้องกันเส้นใยผ้าอื่นมาติด และช่วยให้เนื้อผ้าไม่เป็นขุย
2.กางเกง กลับด้านในออก และปลิ้นกระเป๋ากางเกงทั้งหมด เพื่อป้องกันเศษเส้นใยฝังแน่น
3.รูดซิป ติดกระดุมให้ครบก่อนซัก กันซิปไปติดเสื้อผ้าตัวอื่น และป้องกันไม่ให้ซิปไปขีดข่วนเครื่องซักผ้า
Photo Credit : zipper
4.อย่าใส่ผ้าลงเครื่องมากเกินไป เพราะจะไม่มีพื้นที่เหลือให้ผ้าถูกปั่น ผ้าอาจซักไม่สะอาดได้
Photo Credit :
5. ผ้าสี และผ้าขาวควรซักแยก กันสีตก และกันผ้าขาวไม่ให้หมองนั่นเอง
Photo Credit : washing
6. ถนอมถุงเท้า และชุดชั้นใน ด้วยถุงซักผ้า
Photo Credit : underwear
7. ถ้าผ้าสกปรกมาก ควรแช่ผ้ากับผงซักฟอกไว้ซักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ผ้าซักง่ายขึ้น
Photo Credit : soak clothes
การตากผ้า
Photo Credit : dry clothes
1. ควรตากเสื้อยืด ด้วยการใช้ไม้หนีบ ห้ามแขวนกับไม้แขวน ไม่งั้นอาจทำให้ไหล่ตุง
Photo Credit : t-shirt
2. ควรตากเสื้อใน ด้วยการหนีบสายเสื้อใน
Photo Credit : bra
3. ควรพลิกด้านในของกางเกงในออก ก่อนตาก เพื่อให้มั่นใจว่าแห้งสนิท
Photo Credit : underwear
การจัดระเบียบตู้เสื้อผ้า
Photo Credit : Clothes
1. จับกลุ่มให้หาง่าย แน่นอนว่าเสื้อผ้าผู้หญิงมีเยอะจนลายตา เพราะงั้นการจัดหมวดหมู่ว่า กระโปรงก็ควรอยู่กับกระโปรง เสื้อก็อยู่กับเสื้อ แบบนี้ย่อมสะดวกต่อการใช้งาน และแลดูตู้เสื้อผ้ามีระเบียบอีกด้วย
Photo credit : closet1
2. พับเก็บดีๆ เหลือที่อีกเพียบ จริงๆแล้วการจัดตู้เสื้อผ้าก็ไม่ต่างจากการจัดกระเป๋าเดินทางเลย ยิ่งเราพับเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบมากเท่าไหร่ เราก็จะพื้นที่ไว้รอรับไอเทมใหม่อีกเยอะ
Photo Credit : closet2
3. ตะกร้า ไอเทมเด็ด เพียงหาตะกร้าสวยๆ แล้วก็จับแยกเสื้อผ้า เช่น ถุงเท้า ชุดชั้นใน ผ้าพันคอ หรือจะใส่พวกเครื่องประดับ แล้วก็ติดป้ายกำกับไว้หน่อย คราวนี้ก็ได้ทั้งความสะดวก และก็ความเป็นระเบียบในคราวเดียว
Photo Credit : closet3
การทำความสะอาดบ้าน
Photo Credit : Cleaning home
1. ควรเริ่มจากชั้นบนสุดของบ้านก่อน เพราะฝุ่นผงต่างๆ อาจจะปลิวเลอะลงมาได้ในขณะที่ทำชั้นบน และในขณะที่ทำความสะอาดนั้นควรเริ่มจากบริเวณที่สูงก่อน เช่น ฝ้าเพดาน กำแพง แล้วค่อยทำความสะอาดพื้น
Photo Credit : up stairs
2. ควรปัดหรือเช็ดฝุ่นที่ตู้ และโต๊ะก่อน เพื่อให้ฝุ่นหรือเศษผงต่างๆ ปลิวลงมาที่พื้น แล้วค่อยกวาดเก็บเศษผง
Photo Credit : GIPHY
3. ควรทำความสะอาดเป็นห้องๆ เพราะจะได้สะดวกต่อการใช้อุปกรณ์ และลดความวุ่นวาย
Photo Credit : GIPHY
การเปลี่ยนหลอดไฟ
Photo Credit : Light bulbs3
1. เช็ดให้ชัวร์ ก่อนอื่นเช็คก่อนนะว่าหลอดไฟเสียจริงรึเปล่า ลองหมุนๆดูหน่อย เพราะบางทีอาจจะแค่ขั้วหลวมเฉยๆก็ได้ แต่ถ้าหมุนแล้วหมุนอีกก็ไม่ติด เตรียมเปลี่ยนใหม่ได้เลย
Photo Credit : Light bulbs1
2. เช็คขนาด ถ้าเช็คแล้วว่าเสียจริง ก็มาดูขนาดของหลอดไฟ จะได้ซื้อมาเปลี่ยนถูก ถ้าเป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ก็จะดูง่ายหน่อย คือมีขั้วเล็กกับขั้วใหญ่ หรือดูจากตัวเลขที่เค้าบอกไว้คือ E14 กับ E27 นั่นเอง
Photo Credit : Light bulbs
3. วิธีติดตั้ง ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มแรกก็ถอดหลอดเก่าก่อน ด้วยการหมุนไปทางซ้ายเพื่อคลายเกลียว ก่อนจะนำหลอดไฟดวงใหม่ หมุนไปทางขวาเท่านี้เอง
Photo Credit : Light bulbs2
การเลือกซื้อผลไม้
Photo Credit : wealthcreationforgenx
1. แอปเปิ้ล เลือกลูกที่มีผิวเรียบสวย ไม่ถลอก เนื้อแน่น กดเบาๆ ไม่มีรอยบุ๋ม สีสด มีน้ำหนัก
Photo Credit : apple
2. กล้วย แนะว่าให้เลือกซื้อตั้งแต่ยังเป็นสีเขียว และปล่อยให้สุกเอง แนะว่าควรทานตอนผลใกล้สุก มีสีเหลืองอร่าม ขั้วมีสีเขียวนิดๆ เพราะเนื้อแน่น รสชาติหวานกำลังดี
Photo Credit : banana
3. ฝรั่ง ถ้าชอบแบบกรอบๆ ให้เลือกผลที่กลมแป้น ผิวเรียบ แต่ถ้าชอบเนื้อนิ่มๆ ก็เลือกรูปทรงรี ผิวไม่เรียบ
Photo Credit : guava
4. มะม่วง เลือกลูกที่มีผิวเหลืองนวล แก่จัด ผลเรียบ ไม่มีร่องรอยบุบเสียหาย ดมแล้วมีกลิ่นหอมของผลไม้สุก
Photo Credit : mango
5. สตอเบอรี่ ให้เลือกลูกที่เม็ดผิวนูนออกมามากๆ เนื่องจากเป็นลูกที่สุกจัด และรูปทรงต้องเหมือนเพชร จึงจะเป็นลูกที่อร่อยจริง
Photo Credit : strawberry
การปอกผัก และผลไม้
Photo Credit : buzzfeed
1. มะม่วงสุก ใช้มีดหั่นครึ่ง นำชิ้นที่แบ่งครึ่งไปวางไว้บนปากแก้ว แล้วใช้แรงดัน เนื้อมะม่วงก็หลุดออกจากเปลือกได้ง่ายดาย
Photo Credit : mango
หรืออีกวิธีคือ แบ่งครึ่งมะม่วงออกเป็น 2 ชิ้น นำมีดมากรีดเนื้อมะม่วงแต่ละครึ่งให้เป็นลักษณะตาราง จากนั้นดันเนื้อมะม่วงขึ้น
Photo Credit : mango
2. สับปะรด บิดด้านหัวสับปะรดออก จากนั้นหั่นหัวท้าย แล้วสไลด์เปลือกด้านข้างออกให้ครบทุกด้าน หั่นครึ่งแบ่งออกเป็นชิ้นตามความชอบ
Photo Credit : pineapple
3. กีวี่ ก็เหมือนกับมะม่วงเลยค่ะ แบ่งครึ่งออก แล้วนำชิ้นที่แบ่งครึ่งแล้วไปวางบนปากแก้ว และก็ใช้แรงดันให้เนื้อหลุดออกจากเปลือก
Photo Credit : kiwi
4. แตงโม หั่นหัวท้าย และสไลด์เปลือกด้านข้างออกทุกด้าน จากนั้นก็หั่นตามขวางแบ่งเป็นชิ้นๆตามความต้องการ
Photo Credit : watermelon
5. กระเทียม เพียงนำกระเทียมใส่ขวดโหล แล้วปิดฝาให้สนิท จากนั้นก็เขย่าให้สุดแรงเกิด เปลือกกระเทียมก็จะหลุดออกอย่างง่ายดาย
Photo Credit : garlic
เมนูอาหารง่ายๆ
Photo Credit : GIPHY
1. ผัดว้นเส้นไทย ใส่หมูสับ
Photo Credit : pad woonsen
ส่วนผสม
- วุ้นเส้นแช่น้ำ
- หมูสับ
- ไข่ไก่
- กะหล่ำปลี
- มะเขือเทศ
- ใบคื่นฉ่าย
ขั้นตอนการทำ
- ตั้งกระทะ รอน้ำมันเดือด จากนั้นทุบกระเทียม และตามด้วยหมูสับลงไปผัดจนหอม
- ต่อด้วยการตอกไข่ลงไป ผัดไข่ให้เข้ากับหมู โดยไม่ต้องให้ไข่สุกมากนะคะ
- เสร็จแล้วก็นำวุ้นเส้นลงไปผัด แต่อย่าลืมแบ่งครึ่งวุ้นเส้นด้วย ตามด้วยกะหล่ำปลี มะเขือเทศ
- ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วดำนิดเดียว,น้ำมันหอย,ซอสปรุงรส และน้ำตาลทรายนิดหน่อย ผัดให้เข้ากัน
- และสุดท้ายใส่ใบคื่นฉ่ายลงไป ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน ด้วยไฟปานกลาง ไม่งั้นเส้นจะเละจนเกินไป เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
2. ผัดกระเพราหมูพริกแห้ง
Photo Credit : ga prao moo sub
ส่วนผสม
- หมูสับ
- ใบกระเพรา
- พริกแห้ง กระเทียม
ขั้นตอนการทำ
- โขลกพริกแห้ง กับกระเทียมให้พอเข้ากันแบบหยาบๆ พอให้กลิ่นหอม
- ตั้งกระทะ รอน้ำมันเดือด จากนั้นนำหมูสับลงไปผัดกับน้ำมันพืชให้สุกก่อน
- นำพริกแห้งกะบกระเทียมที่โขลกไว้ ลงไปผัด จนกลิ่นหอมฟุ้ง
- หลังจากผัดหมูได้ที่เราก็ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย,น้ำปลา,น้ำตาลทราย เหยาะซีอิ๊วดำนิดนึง ไม่งั้นมันจะดูไม่สวย และซอสปรุงรสด้วยนะ
- จากนั้นก็ใส่ใบกระเพราลงไปผัด จนได้ที่ เท่านี้ก็ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่าาา
3. ยำไข่ยางมะตูม
Photo Credit : youtube
ส่วนผสม
- ไข่ไก่
- หัวหอมแดงซอย
- พริกขี้หนูซอย
- ผักชี
- น้ำมะนาว น้ำปลา และ น้ำตาลทราย
ขั้นตอนการทำ
- ต้มไข่ไก่ จนได้เป็นไข่ยางมะตูม ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
- เริ่มทำน้ำยำ ด้วยหัวหอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย ผักชี น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทราย สามารถปรุงรสตามใจชอบได้เลย
- คลุกเคล้าจนเข้ากัน และนำไปราดบนไข่ยางมะตูมที่เตรียมไว้ได้เลย เท่านี้ก็อร่อยพร้อมทานแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างคะสาวๆ กับรวมวิชาแม่บ้านที่เฟียร์ซเอามาฝากในวันนี้ หวังว่าสาวๆคงจะได้รับความรู้ดีๆแบบนี้ ไปใช้ในชีวิตประจำวันกันนะคะ เพราะยังไงเฟียร์ซก็เชื่อว่าผู้หญิงอย่างเราควรต้องมีวิชาเหล่านี้ติดตัวไว้บ้าง ไม่มากก็น้อย จะได้สมกับการเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่งานนอกก็ไม่พลาด งานบ้านก็ไม่พร่องยังไงล่ะคะ ^^