สกินแคร์เดี๋ยวนี้เรามักจะเห็น AHA และ BHA เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ บางคนลองซื้อมาใช้แล้วปรากฏว่าหน้าใสไร้สิว แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า AHA และ BHA อะไร? อธิบายง่ายๆ เลยก็คือทั้ง AHA และ BHA เห็นกรดอ่อนๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน ซึ่งสองตัวนี้จะต่างกันยังไง วันนี้เฟียร์ซจะมาเล่าให้ฟังว่ามันคืออะไร และมีผลข้างเคียงหรือไม่ ไปดูกันเลยค่ะ
Photo credit : Bigstockphoto.com
AHA และ BHA เป็นกรดทั้งคู่ มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวหน้าสวยใสไร้ที่ติ แต่สองอย่างนี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยค่ะ
AHA คือ?
- AHA ย่อมาจาก Alpha Hydroxy Acids
- AHA เป็นกรดจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาล, น้ำนม และผลไม้
- AHA ละลายในน้ำ ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก เผยให้เห็นผิวสวยกระจ่างใสค่ะ
ประโยชน์ของ AHA
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนให้ผิวกระจ่างใส
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่งสดใส
- รวมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำได้อีกด้วย ทำให้ผิวดูอ่อนวัยค่ะ
Photo credit : Bigstockphoto.com
BHA คือ?
- BHA ย่อมาจาก Beta Hydroxy Acids
- BHA เป็นกรดสังเคราะห์ ที่จะมีความแข็งแรงกว่า AHA ซึ่ง AHA จะเสื่อมเร็วมาก โดนอากาศหรือความร้อนนิดเดียวก็เสื่อมได้แล้วค่ะ แต่ BHA จะไม่เสื่อมง่ายๆ
- BHA จะละลายได้ในน้ำมัน และซึมลึกลงสู่ผิวชั้นใน เนื่องจากผิวของคนเราจะมีส่วนผสมของน้ำมัน อะไรที่ละลายในน้ำมันได้ก็จะซึมลงสู่ผิวได้ลึกกว่าค่ะ
ประโยชน์ของ BHA
- ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว
- ให้ผิวกระจ่างใส
- ซึมลงสู่ผิวได้ลึกโดยที่ไม่อุดตันรูขุมขน
- ปลอบประโลมผิวจากการระคายเคือง ผิวอักเสบ ผิวแดง
- ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำ
ยกตัวอย่าง โทนเนอร์ตัวดังจากเกาหลี Some By Mi AHA BHA PHA 30days Miracle Toner เด็ดในเครื่องดูและปัญหาสิวและรูขุมขนค่ะ มีทั้ง AHA และ BHA ในขวดเดียวกัน ตัวนี้สาวก K-Beauty รู้จักเป็นอย่างดีเลยค่ะ
Image source : koriico.com
Photo credit : Bigstockphoto.com
ข้อเสียของการใช้กรด AHA และ BHA
2 สิ่งนี้มีข้อเสียคือมันจะกัดผิวหน้าทำให้ผิวบาง ต้องใช้ในประมาณเหมาะสมนะคะ ผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่สาวๆ ใช้ได้ทุกวันจะเป็น AHA เข้มข้น 3-5% และ BHA เข้มข้น 1-1.5% ถ้ามากกว่านี้ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน อาจจะใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือใช้เฉพาะจุดที่มีปัญหา พอผิวหายจากปัญหาแล้วก็ควรเลิกใช้ค่ะ และที่สำคัญควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะผิวจะไวต่อแสงมากเมื่อใช้กรดพวกนี้ค่ะ
Photo credit : Bigstockphoto.com
ยกตัวอย่าง The Ordinary AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution ไอเท็มตัวดังในโลกโซเชี่ยล จากแบรนด์ The Ordinary เขาก็จะบอกเลยว่าตัวนี้ “ใช้มาส์กหน้าเพียง 10 นาทีเท่านั้น แล้วล้างออก” รวมทั้งมีคำเตือนว่า
“This formula contains a very high concentration of free acids. We recommend use only if you are an experienced user of acid exfoliation and your skin is not sensitive.”
ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดแรงๆ ควรศึกษาการใช้งานก่อนทุกครั้งนะคะ :)
Image source : theordinary.com
Photo credit : Bigstockphoto.com
AHA เหมาะกับใคร?
คนที่กังวลเรื่องความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอย AHA ส่วนใหญ่ใช้ได้ทุกสภาพผิวเลยค่ะ
BHA เหมาะกับใคร?
คนที่มีปัญหาเรื่องสิวอุดตัน ผิวหน้ามัน รูขุมขนกว้าง มีรอยแดงระคายเคือง รวมทั้งปัญหาริ้วรอยและจุดด่างดำ ตัวนี้ช่วยคุมความมันบนผิวได้ด้วย จึงไม่เหมาะกับคนที่ผิวแห้งค่ะ
สรุปเลยว่าเราสามารถใช้ได้ทั้ง AHA และ BHA โดยอ่านวิธีใช้หลังผลิตภัณฑ์ เขาจะเขียนไว้เลยว่าใช้ยังไง ปริมาณเท่าไร สาวๆ ก็มีหน้าที่ศึกษาและใช้อย่างถูกต้อง อีกอย่างหนึ่งก็คือต้องรู้ก่อนว่าผิวเรามีปัญหาอะไร ต้องการดูแลส่วนไหนเป็นพิเศษ บางคนผิวเซนซิทีฟแพ้ง่ายก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวนะคะสาวเฟียร์ซ~