สวัสดีค่ะ วันนี้เฟียร์ซมีบทความซีรี่ส์ใหม่มากฝาก~ นั่นก็คือ Fierce’s Pick เราจะทำการเลือกไอเทมในดวงใจ ที่ได้ลองใช้จากประสบการณ์ตรง ซื้อจริง เจ็บจริง ชอบจริงแบบไม่มีปกปิดค่ะ ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงน้ำหอมที่ไม่ได้อยู่ในสายเมนสตรีมสักเท่าไร แต่กลิ่นคือดีงามจนต้องบอกต่อ ใครเบื่อน้ำหอมกลิ่นเดิมๆ ของตัวเองแล้ว มาตามหากลิ่นใหม่ไปลองด้วยกันนะคะ จะมีกลิ่นไหนที่เป็น Fierce’s Pick บ้างไปดูกันเลยค่า~
1. Maison Margiela Replica Lazy Sunday Morning
(ราคา 4,500 บาท, Beauty Hall พารากอน)
น้ำหอมที่ได้กลิ่นแล้วไม่ซื้อคือไม่สบายใจมากค่าาา กลิ่นให้อารมณ์สบายๆ เหมือนนอนเล่นอยู่บนเตียงในเช้าวันอาทิตย์ มีความหอมละมุน เซ็กซี่เบาๆ ปนไปด้วยความเฟชรสดชื่น เปิดกลิ่นแรกด้วยความสดใสของลูกแพร์ ลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ และกลิ่นของความสะอาด กลิ่นกลางจะเป็นดอกไอริส กุหลาบ และดอกส้ม ปิดท้ายด้วยกลิ่นแพทชูลี ไม้สีขาว กับครีมมี่ไวท์มัสก์ ได้กลิ่นแล้วรู้สึกผ่อนคลายสบายใจค่ะ
2. Louis Vuitton Dans La Peau
(ราคา 9,450 บาท, th.louisvuitton.com)
น้ำหอมที่มีกลิ่นยากที่จะลืมเลือน เพราะมีส่วนผสมของกลิ่นหนัง เปิดกลิ่นแรกด้วยแอปริคอต มะลิจากเมืองกราซ และมะลิแซมบัค ตามมาด้วยดอกนาซิสซัส ทำให้กลิ่นหอมละมุนยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยกลิ่นฐานเป็นมัสก์และหนังนั่นเอง กลิ่นโดยรวมคือหอมเย้ายวนเบาๆ มีความหรูหรา และติดทนนานเหมือนกลิ่นตัวของเราจริงๆ เลยค่ะ
3. Byredo Rose of No Man’s Land
(ราคา 8,499 บาท, Beauty Hall พารากอน)
น้ำหอมมาในกลิ่นกุหาบที่หอมหวาน เพิ่มความเผ็ดซ่านิดๆ ด้วยพิงค์เปปเปอร์ ตามมาด้วยกลิ่นราสเบอร์รี่ที่หอมฉ่ำ ปิดท้ายด้วยกลิ่นฐานต้นกกและไวท์แอมเบอร์ กลิ่นนุ่มละมุน เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของฟลอรัล สไปซี่ และวูดดี้ ฉีดแล้วรู้สึกสวย ให้อารมณ์คนดีมีเมตตา ชื่อ Rose of No Man’s Land เป็นฉายาที่เหล่าทหารตั้งให้กับพยาบาล ที่คอยรักษาพวกเขาในสนามรบค่ะ โอบอ้อมอารีสุดๆ
4. Jo Malone Poppy & Barley Cologne
(ราคา 5,500 บาท, www.jomalone.co.th)
น้ำหอมกลิ่นดีงามมากกก ฉีดแล้วรู้สึกอารมณ์ดี มีชีวิตชีวา เหมือนได้เดินเล่นในทุ่งหญ้า มาในแนวกลิ่นฟลอรัลที่ไม่ได้หวานจนเกินไป เปิดกลิ่นแรกด้วยแบล็คเคอร์แรนท์ที่หอมหวานเบาๆ ผสานด้วยดอกป๊อปปี้ กุหลาบ และดอกไวโอเลต ล้อมด้วยกลิ่นหอมจากรำข้าวและบาเลย์ ให้สัมผัสที่นุ่มนวล กลิ่นนี้คือฉีดแล้วสวยเลยค่ะ
5. BVLGARI Allegra Riva Solare + Magnifying Musk
(น้ำหอมราคา 8,900 บาท และ Magnifying ราคา 7,150 บาท)
ตัวน้ำหอมให้ความสดชื่นมีชีวิตชีวา รู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวทะเลที่อิตาลีเลยค่าาา เปิดกลิ่นด้วยซีตรัสที่สดชื่น ตามมาด้วยกลิ่นของดอกส้ม โซลาร์เนโรลี หอมหมื่นลี้ และแมนดาริน ปิดท้ายด้วยความเข้มข้นของมัสก์ เมื่อท็อปด้วย Magnifying Musk กลิ่นก็จะมีความลึกซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ส่งให้กลิ่นเปล่งประกาย มีความสุข และอบอุ่นน่ากอดค่ะ
6. Le Labo Santal 33
(ราคาประมาณ 8,000 บาท, www.goxip.co.th)
น้ำหอมที่มีกลิ่นของแซนเดิลวูด ต้นกก กลิ่นหนัง เวอร์จิเนียซีดาร์ กระวาน ไวโอเลต และไอริส กลิ่นมีความวูดดี้ผสมพาวเดอร์รี่นิดๆ และเติมความแซ่บด้วยสไปซี่เบาๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย และอบอุ่นสบายๆ กลิ่นไม่ได้หวือหวามากนัก แต่จะให้ความรู้สึกว่าเหมือนกับว่าเราตัวหอมตลอดเวลา และกลิ่นนี้จะติดทนนานหอมละมุนไปตลอดวันค่ะ
7. Tom Ford Tuscan Leather
(ราคา 8,800 บาท, www.central.co.th)
Tuscan Leather เป็นกลิ่นที่น่าหลงใหล ใครได้ดมก็ต้องเคลิ้มค่าาา กลิ่นเด่นเลยก็คือกลิ่นหนังที่อบอุ่นโรแมนติก ผสมผสานด้วยกลิ่นของความสดชื่นอโรมาติก ได้แก่ ราสเบอร์รี่กับมะลิ เติมความสไปซี่ด้วยแซฟฟร่อน ไทม์ และกำยาน ตบท้ายด้วยกลิ่นไม้ หนัง หนังกลับ และแอมเบอร์ค่ะ บอกเลยว่ากลิ่นนุ่มลึกเย้ายวนมาก ใครได้ดมก็ต้องชอบค่าาา
8. Burberry Signature Hawthorn Bloom
(ราคา 8,500 บาท)
น้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดอกฮอร์ธอร์น (Hawthorn) ซึ่งบานในช่วงเริ่มฤดูใบไม้ผลิ เป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมสบายๆ ให้ความสดชื่น กลิ่นแรกเปิดด้วยมะกรูด ตามมาด้วยไอริส ไวโอเลต และมะลิ ปิดท้ายด้วยมัสก์กับแพทชูลี ให้ความหอมสบายๆ ได้กลิ่นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ในแบบฉบับของกลิ่นดอกไม้สีขาว มีความพาวเดอร์รี่นิดๆ กลิ่นดีงามมากค่ะ
9. Maison Francis Kurkdjian Baccarat Rouge 540
(ราคาประมาณ 9,000 บาท, www.goxip.co.th)
น้ำหอมที่มาในแนวกลิ่นวูดดี้บวกด้วยความสไปซี่ กลิ่นออกสไตล์ Oriental Floral ให้ความหอมผ่อนคลาย เปิดมาด้วยกลิ่นมะลิกับแซฟฟร่อน ตามมาด้วยแอมเบอร์วูด อำพันทะเล ปิดท้ายด้วยเฟอร์เรซิ่นกับไม้ซีดาร์ กลิ่นจึงมีความละมุนนุ่มลึก ฉีดแล้วรู้สึกเป็นคนสวยแซ่บ กลิ่นมีมิติแบบที่หาจากขวดไหนไม่ได้ค่ะ
10. Maison Christian Dior Oud Rosewood
(ราคา 8,500 บาท, shop.dior.co.th)
น้ำหอมมาในแนวกลิ่นวูดดี้ มีความหอมน่าหลงใหล ได้กลิ่นที่ไรก็ใจอ่อนตลอด เปิดกลิ่นแรกด้วยราสเบอร์รี่กับลูกควินซ์ ตามมากด้วยกลิ่นของแซนเดิลวูด ปิดท้ายด้วยไม้อู๊ดโรสวูด เป็นกลิ่นที่นุ่มลึก หอมละมุน และยากที่จะลืมเลือน เป็นกลิ่นที่ลองดมแล้ว เดินผ่านไปแล้ว ต้องวนกลับมาลองอีก ผ่านเคาน์เตอร์ทีไรก็ต้องแวะตลอดค่ะ
11. Frederic Malle Musc Ravageur
(ราคา $290, www.fredericmalle.com)
กลิ่นนี้โดนใจคนที่ชอบความสไปซี่มาก กลิ่นมีความอบอุ่นเผ็ดร้อนเบาๆ เปิดกลิ่นแรกด้วยลาเวนเดอร์ ส้มแทงเจอรีน และมะกรูด ส่วนกลิ่นกลางจะเป็นอบเชยกับกานพลู เบสด้วยวานิลลา มัสก์ ตองกาบีน แอมเบอร์ แซนเดิลวูด กวาแอควูด และซีดาร์ ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบน้ำหอมกลิ่นสไปซ์+ฟลอรัลมาก กลิ่นนี้จึงยืนหนึ่งในดวงใจเลยค่าาา
12. AERIN Mediterranean Honeysuckle
(ราคา 5,200 บาท, www.central.co.th)
น้ำหอมที่กลิ่นหอมหวาน สดชื่น และผ่อนคลาย เหมือนได้ไปเที่ยวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กลิ่นแรกเป็นมะกรูดจากอิตาลี แมนดารินออยล์ และเกรปฟรุ๊ต ให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ตามมาด้วยความหอมหวานและอ่อนโยนของ ลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ การ์ดีเนีย กับดอกสายน้ำผึ้ง โอบล้อมไปด้วยกลิ่นที่เย้ายวน มีชีวิตชีวา ของมะลิแซมบัค กลิ่นมีความสวยสง่างาม และมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ฟีลเบาๆ สะอาดๆ ค่ะ
สาวๆ ที่สนใจก็ไปลองดมกันได้ที่เคาน์เตอร์น้ำหอม ลองฉีดดูก่อนแล้วค่อยซื้อ ชอบกลิ่นไหนก็ซื้อกลิ่นนั้น เพราะเรื่องกลิ่นค่อนข้างเป็นอะไรที่เฉพาะตัว บางคนอาจจะชอบ แต่บางคนไม่ชอบก็มีเหมือนกันค่ะ ดังนั้นจะซื้อน้ำหอมทุกครั้งต้องลองดมก่อน แต่ละขวดที่เฟียร์ซคัดสรรมานี้ ก็เป็นขวดที่เราเคยลองฉีดแล้วชอบจริงๆ จึงอยากบอกต่อ ใครชอบไม่ชอบกลิ่นไหนยังไงก็มาแชร์กันได้นะคะสาวเฟียร์ซ~