Piaget Society กลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในยุคนี้ นำโดย Ella Richards ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการตีความทางจิตวิญญาณ การสร้างสรรค์งานฝีมืออันวิจิตรของ เพียเจต์ (Piaget) ที่เชื่อมโยงกับโลกแห่งศิลปวัฒนธรรมยุคใหม่ ล่าสุด เมซงได้เผยโฉมบทบันทึกและความเป็นเอกลักษณ์ครั้งล่าสุดของนาฬิกา Piaget Andy Warhol ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งเรือนเวลาที่นักสะสมโปรดปราน โดยนาฬิการุ่นนี้เป็นการตีความการออกแบบใหม่จากลวดลาย Clou de Paris ที่สวยงามตระการตา นำมารังสรรค์บนตัวเรือนควบคู่กับหน้าปัดสีน้ำเงินอันทรงพลังจากหินอุกกาบาต
Piaget Society
สมาชิกในครอบครัว Piaget ได้ร่วมกันสร้างโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ และความเชี่ยวชาญอันยอดเยี่ยม จิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของ Georges-Édouard Piaget ผู้ก่อตั้งเมซง ได้ปูทางสู่การปลดปล่อยจินตนาการของนักออกแบบในการสร้างสรรค์กลไกที่มีความบางเป็นพิเศษ อันเป็นผลงานสร้างชื่อให้กับ Piaget มาจนทุกวันนี้ ในช่วงปี 1950s Valentin ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของเหล่านักออกแบบ ด้วยการส่งพวกเขาไปค้นหาแรงบันดาลใจจากอุตสาหกรรมแฟชั่นชั้นสูงที่ กรุงปารีส ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทักษะงานช่างทองและถ่ายทอดความรู้นี้สู่คนรุ่นต่อรุ่น
ในปี 1959 Piaget ได้เปิดตัวบูติคแห่งแรกของตนเองขึ้นในชื่อ “Salon Piaget” โดยบูติคแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงร้านขายนาฬิกาและเครื่องประดับเท่านั้น แต่เป็นเสมือนหอศิลป์ที่จัดแสดงไว้ด้วยชิ้นงานหัตถศิลป์อันล้ำค่า ที่ได้รับการรังสรรค์ด้วยความประณีต บูติคแห่งนี้คือจุดหมายปลายทางที่นำไปสู่การกำเนิด Piaget Society อันนำมาสู่ยุคแห่งงานฝีมือที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาทางศิลปวัฒนธรรม
Yves Piaget ทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัวที่ได้เข้ามาบริหารงานในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 คือผู้ที่นำพา Piaget ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับสากลได้สำเร็จ โดยเขาได้สร้างสัมพันธไมตรีอย่างแนบแน่นกับกลุ่มลูกค้าผู้เป็นบุคคลแถวหน้าจากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ นักแสดง นักดนตรี นางแบบ ศิลปิน ไปจนถึงชนชั้นสูงมากหน้าหลายตา ด้วยการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกว่า Piaget Society ซึ่งเปิดโอกาสให้เหล่าบุคคลผู้มีความโดดเด่นและพรสวรรค์ในแวดวงต่างๆ ได้มาพบปะสังสรรค์กันในงานปาร์ตี้ที่เขาจัดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจ
พร้อมด้วยการแสดงดนตรีและความบันเทิงแสนตระการตา ขณะเดียวกันลูกค้าที่ได้มาร่วมงานก็จะได้สัมผัสกับคอลเลกชั่นต่างๆ จากเมซงด้วย จิตวิญญาณของ Piaget Society ได้ขยายวงกว้างไปทั่วทวีปยุโรปก่อนที่จะข้ามไปขยายอาณาเขตถึงสหรัฐอเมริกา กลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะของ Piaget ที่ทำให้ แบรนด์มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น บุคคลสำคัญที่ให้ความสนใจและได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Piaget Society ในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 อาทิ Ursula Andress และ Roger Moore เป็นต้น
การสร้างความใกล้ชิดระหว่าง แบรนด์กับเหล่าลูกค้าผ่าน Piaget Society ได้พัฒนาขึ้นปีแล้วปีเล่า จนเป็นเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของแบรนด์ที่เชื่อมโยงยุคสมัยต่างๆ เข้าด้วยกัน ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ และในวันนี้ Piaget ได้นางแบบสาว Ella Richards ผู้เป็น Face of the Maison นำพา Piaget Society ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ร่วมด้วยโกลบอลแอมบาสเดอร์อีกสองคน ได้แก่ นักแสดงหนุ่มชาวเกาหลีใต้ Lee Jun Ho และนักแสดงหนุ่มหล่อชาวไทยมากความสามารถ อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสะท้อนวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ของ Piaget ในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
Ella Richards - Face of the Maison
Lee Jun Ho
อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์
Andy Warhol and Piaget
Andy Warhol คืออีกหนึ่งบุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการศิลปะยุค 80 ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาแห่งศิลปะแนวป๊อปอาร์ต ความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์จากผลงานทั้งในด้านการโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ เพลง ภาพยนตร์ และอื่นๆ เขาเป็นที่รู้จักของผู้คนในทุกๆ วงการตั้งแต่ระดับปัญญาชน ดาราฮอลลีวูด ไปจนถึงบุคคลในแวดวงชนชั้นสูง และ Yves Piaget ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รู้จักกับเขา Andy Warhol เป็นลูกค้าคนสำคัญของ Piaget โดยก่อนปี 1973 เขามีคอลเลกชั่นนาฬิกา Piaget อยู่ 6 เรือน และเขาได้เสริมคอลเลกชั่นของตนเองด้วยเรือนเวลาอีกหนึ่งเรือน ซึ่งถือเป็นนาฬิกาที่สร้างภาพจำให้แก่ผู้คน
Yves Piaget, Andy Warhol
หากกล่าวถึง Andy Warhol และ Piaget นั่นคือ นาฬิกา Black Tie ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1972 นาฬิการุ่นนี้มีตัวเรือนรูปทรงคุชชั่นขนาด 45 มิลลิเมตร ผลิตขึ้นจากทองคำ คู่กับหน้าปัดสีแอนทราไซต์ที่มีความเหลือบวาว แสดงเวลาอย่างเรียบง่ายแบบสามเข็ม พร้อมช่องหน้าต่างแสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ขับเคลื่อนโดยกลไก Beta 21 จับคู่กับสายหนังสีดำ เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ Piaget ที่มีเอกลักษณ์อันลงตัวกับบุคลิกของความเป็นนักคิดผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างยิ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่าง Andy Warhol และ Yves Piaget เกิดขึ้นจากการพบกันครั้งแรกในปี 1979 ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา มิตรภาพระหว่างบุคคลผู้มีวิสัยทัศน์ทั้งสองก็ดำเนินเรื่อยมาและสร้างชื่อเสียงให้กับ Piaget Society มากยิ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองมักจะพบปะกันในการจัดงานปาร์ตี้ ทั้งในนิวยอร์ก ปาล์มบีช วอชิงตัน หรือปารีส โดยพบกันที่ Studio 54 และ Chez Régine ทั้งนี้นาฬิกา Piaget จำนวน 7 เรือนของ Andy Warhol มีนาฬิกาถึง 4 เรือนที่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่นส่วนตัวของ Piaget
กล่าวได้ว่า Andy Warhol เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่ง Piaget และ Piaget Society อย่างแท้จริง สัมพันธไมตรีอันแน่นแฟ้น เป็นเอกลักษณ์และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานร่วมกันระหว่าง Andy Warhol กับ Yves Piaget ยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบันผ่านการจับมือกันอย่างเป็นทางกันระหว่าง Piaget และมูลนิธิ The Andy Warhol Foundation for the Visual Arts อันนำมาซึ่งการเปลี่ยนชื่อของนาฬิการุ่น Black Tie มาเป็นนาฬิกา Andy Warhol ในวันนี้ อีกทั้ง Piaget ยังได้รังสรรค์นาฬิกา Andy Warhol รุ่น Clou de Paris ขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองจุดเริ่มต้นแห่งการร่วมมือครั้งสำคัญนี้
The Andy Warhol Clou de Paris Watch
Clou de Paris หรือที่เรียกอีกอย่างว่า hobnail เป็นเทคนิคการตกแต่งที่ประณีตและสง่างามที่สุดอย่างหนึ่งในการประดิษฐ์นาฬิกา เป็นการรังสรรค์ลวดลายกิโยเช่ที่มีลักษณะเหลี่ยมทรงพีระมิดขนาดเล็ก เรียงต่อกันเป็นลวดลายที่นำมาตกแต่งบนชิ้นงานเครื่องประดับอัญมณี ลวดลายนี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนแห่ง Piaget อันนำมาใช้ในการตกแต่งนาฬิการุ่นต่างๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1970 สำหรับการสร้างสรรค์นาฬิกา Andy Warhol ทีมงาน Ateliers de l’Extraordinaire ของ Piaget ต้องใช้เวลาถึง 10 เดือน ในการพัฒนาและปรับปรุงขั้นตอนการสร้างลวดลาย Clou de Paris ที่มาแทนลวดลาย Gadroon (กาดรูน) ในเวอร์ชั่นดั้งเดิม บนตัวเรือนทรง คุชชั่นไวท์โกลด์ให้มีความสมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งลวดลาย Clou de Paris ที่ได้รับการรังสรรค์ด้วยฝีมืออย่างพิถีพิถันบนพื้นผิวโค้งมน จะมีความละเอียดอ่อน สร้างเสน่ห์อันเย้ายวนเมื่อต้องแสงได้อย่างน่าอัศจรรย์
นอกจากการตกแต่งด้วยลวดลาย Clou de Paris นาฬิกา Andy Warhol รุ่นนี้ยังได้นำเอาหินอุกกาบาตสีน้ำเงินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบลงบนหน้าปัด มอบสีสันอันทรงพลังและการเล่นแสงที่ไม่เหมือนใคร หินอุกกาบาตเป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งการออกแบบของ Piaget ที่มักจะนำเอาหินล้ำค่ามาใช้ในการตกแต่งเครื่องประดับและนาฬิกาของตนเอง และเป็นวัสดุเฉพาะที่ทางแบรนด์สงวนไว้สำหรับการสร้างสรรค์อันพิเศษสุด หินอุกกาบาตสีน้ำเงินช่วยเพิ่มคุณค่าอันหาได้ยากยิ่งและสร้างความโดดเด่นให้กับนาฬิกา Andy Warhol เรือนใหม่นี้ ความงดงามในสไตล์วินเทจประการสุดท้ายที่เน้นย้ำถึงลักษณะเฉพาะของการออกแบบ คือเข็มนาฬิกาสไตล์ดอฟินและหลักชั่วโมงที่สง่างาม ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ in-house 501P1 Manufacture ที่เที่ยงตรง
นาฬิการุ่น Clou de Paris นี้ถือเป็นการเพิ่มสไตล์ใหม่และความร่วมสมัยให้กับคอลเลกชั่นนาฬิกา Andy Warhol ซึ่งเดิมมีการตีความเพียงไม่กี่แบบจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ นาฬิการุ่น High Jewellery Metaphoria ในปี 2023 ที่ประดับด้วยมรกตเจียระไนทรงบาแกตต์ล้อมหน้าปัดที่ได้จากไม้กลายเป็นหิน นาฬิการุ่นตัวเรือนโรสโกลด์คู่กับหน้าปัดมาลาไคต์และหน้าปัดสีดำ
อีกทั้งในบรรดาชิ้นงานสั่งทำทั้งหมด มีคอลเลกชั่นส่วนตัวของนาฬิกา Andy Warhol ที่ไม่ซ้ำใครอีกจำนวน 10 เรือน ซึ่งจัดแสดงที่ Society Bar ภายในบูธของ Piaget ที่งาน Watches and Wonders 2023 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวนาฬิกาใหม่รุ่นนี้ Piaget จึงได้เสริมบริการสั่งทำพิเศษ โดยยังคงนำเสนอบริการการปรับแต่งตามแนวคิดที่สืบเนื่องมาจากบูติคแห่งแรกของ Piaget ที่กรุงเจนีวาในปี 1959 และได้กลับมาให้บริการอีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาภายใต้แนวคิด Infinitely Personal สำหรับนาฬิกา Andy Warhol รุ่นใหม่ ลูกค้าจะได้รับตัวเลือกในการปรับแต่งมากมาย โดยเริ่มจากตัวเลือกของหินล้ำค่าชนิดต่างๆ สำหรับนำมาผลิตเป็นหน้าปัดซึ่งมีให้เลือกมากถึง 10 ชนิด รวมถึงหน้าปัดหินอุกกาบาตด้วย พร้อมด้วยการนำเสนอตัวเลือกของรูปแบบหน้าปัดใหม่ๆ เช่น หน้าปัดรูปเหยี่ยวที่มีความโดดเด่น ที่เข้ามาเสริมนาฬิการุ่นซิกเนเจอร์ของ Piaget ที่มีอยู่แล้วและได้รับความนิยมจากลูกค้ามายาวนานอย่างรุ่นหน้าปัดเทอร์ควอยซ์และมาลาไคต์ โดยสามารถจับคู่กับสายหนังที่มีสีให้เลือกมากถึง 5 สี ในขณะที่นักสะสมยังสามารถเลือกเข็มนาฬิกาสไตล์ดอฟินใหม่หรือเข็มทรงบาตองในแบบดั้งเดิมได้อีกด้วย ส่วนตัวเรือนมีให้เลือกระหว่างวัสดุไวท์โกลด์และโรสโกลด์ ให้ผู้รักนาฬิกาสามารถสร้างผลงานศิลปะบนข้อมือของตนเองได้อย่างภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับการสร้างงานศิลปะของ Andy Warhol โดยบริการใหม่นี้เปิดตัวขึ้นเพื่อเริ่มต้นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นของนาฬิการุ่นไอคอนิกเรือนนี้