วันนี้เฟียร์ซจะพาสาวๆไปรู้จักกับเมคอัพอาร์ทิสมากความสามารถจาก Shiseido ผู้ออกแบบลุคต่างๆให้กับแฟชั่นโชว์ โฆษณา และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆของแบรนด์ Mr. Jun Nakamura, International Hair & Makeup Artist ซึ่งมีประสบการณ์กับ Shiseido มากว่า 10 ปี มีเทคนิคเคล็ดลับในการแต่งหน้าแพรวพราว และสวยแซ่บมากๆ ถ้าคิดว่าคนญี่ปุ่นจะมาแนวแต่งหน้าใสๆ คุณคิดผิดค่ะ เพราะคุณ Nakamura มาพร้อมผลงานที่แซ่บ และเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน ให้สาวๆได้สวยอย่างทรงคุณค่า และทันยุคทันสมัย ถ้าพร้อมแล้วเราไปรู้จักกับคุณ Nakamura กันเลยค่ะ

Fiercebook: ก่อนอื่นอยากให้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานกับ Shiseido ที่ผ่านมาหน่อยค่ะ

Mr. Jun Nakamura: ผมเริ่มจากเป็นช่างเสริมสวยเมื่อปี 1999 ที่เมืองโอซาก้า หลังจากนั้นในปี 2005 ก็สนใจจะอยากเป็น Hair & Makeup Artist เลยเดินทางมาที่โตเกียว และลงเรียนกับสถาบัน Shiseido Academy of Beauty & Fashion จากนั้นก็ได้เข้าร่วมทีม Hair & Makeup Artist ของ Shiseido อย่างเป็นทางการหลังเรียนที่สถาบันครับ 

พอได้มาร่วมทีมกับ Shiseido ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นงานประชาสัมพันธ์ แฟชั่นโชว์ รวมทั้งครีเอทเทรนด์ต่างๆ ในฐานะ Beauty consultant และมีโอกาสได้เดินทางไปทำงานในหลายประเทศด้วยครับ
 

Fiercebook: ความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับ Shiseido เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Mr. Jun Nakamura: ถ้าจะให้ชมบริษัทของตัวเองก็แปลกนะครับ (หัวเราะ) แต่ผมคิดว่าที่นี่เป็นบริษัทที่ดี เพราะอย่างแรกเลยก็คือเพื่อนร่วมงาน ทุกคนมีความภูมิใจในงานของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ที่ญี่ปุ่นจะมีกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอางค่อนข้างเข้มงวด Shiseido เองก็จะทำการทดสอบเครื่องสำอางให้เข้มงวดเพิ่มขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ทุกคนมีความรักในงานที่ทำ และมีความมุ่งมั่นสูงครับ

Fiercebook: ในฐานะที่เป็นหนึ่งในครีเอเตอร์ของ Shiseido มีแรงบันดาลใจในการออกแบบงานแต่ละครั้งอย่างไรบ้างคะ?

Mr. Jun Nakamura: แรงบันดาลใจของผมมาจากผู้ร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์หรือช่างภาพ เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานทั้งนั้น ส่วนตัวของผมเวลาที่ครีเอทงานใหม่ๆ อย่างในแฟชั่นโชว์ที่เมคอัพค่อนข้างแปลก มีความสร้างสรรค์สูง แต่ในฐานะที่ผมเป็นเมคอัพอาร์ทิส ก็ต้องดูด้วยว่าแต่งแบบนี้แล้วเหมาะกับนางแบบคนนั้นไหม เป็นเรื่องที่ต้องระวังด้วยครับ

Fiercebook: อยากให้แนะนำเทรนด์ความงามช่วง A/W ที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ

Mr. Jun Nakamura: เทรนด์เมคอัพที่กำลังฮิตเหมือนกันทั่วโลกก็คือ “Bold lips” ทาลิปสติกให้ริมฝีปากโดดเด่น ผมคิดว่าคงจะเป็นเทรนด์ไปอีกสักพัก ซึ่งที่ผ่านมาถ้าเราเลือกสีปากเด่น ก็จะแต่งตาซอฟท์ๆ แต่เทรนด์ใหม่นี้คิดว่าน่าจะเป็นการแต่งหน้าเน้นริมฝีปากและเน้นดวงตาในเวลาเดียวกัน เปลือกตาจะมีสีสันแน่นกว่าเดิม มีความท้าทายในการเล่นโทนสีต่างๆ ให้เด่นทั้งดวงตาและริมฝีปาก จะพูดว่าแต่งตาแน่นก็ไม่เชิงนะ แต่เป็นการกล้าใช้สีที่สดใสมากยิ่งขึ้น เหมือนกับเสื้อผ้ายังมีการมิกซ์แอนด์แมทช์สีที่ตัดกันครับ

Fiercebook: สำหรับสาวไทยที่อยากมีผิวสวยแบบสาวญี่ปุ่น ต้องมีเทคนิคอะไรบ้างคะ?

Mr. Jun Nakamura: มีด้วยกัน 2 เรื่อง อย่างแรกเลยก็คือการเลือกสีรองพื้นให้เหมาะกับสีผิวของตัวเอง และอย่างที่สองเป็นเทคนิคส่วนตัวของผมก็คือ ไม่ต้องลงรองพื้นทั้งหน้า ลงเฉพาะจุดที่ผิวมีปัญหา ไม่ลงตรงที่อยากเผยผิว

บางทีคนญี่ปุ่นก็มีปัญหาเรื่องเลือกสีรองพื้นที่ไม่เหมาะกับผิวอยู่เหมือนกัน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรทำ ถ้าอยากขาวแล้วเลือกรองพื้นขาวๆ มันก็จะดูหลอก ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ไม่กลมกลืน เมื่อบวกกับเทคนิคไม่ลงรองพื้นทั่วหน้าแล้ว ผิวก็จะยิ่งดูไม่สม่ำเสมอไปกันใหญ่ ควรเลือกสีที่ใกล้เคียงสีผิวจริงมากที่สุด

ส่วนสำคัญที่จะทำให้ใบหน้าดูสวย ก็คือกึ่งกลางใบหน้า สำหรับคนที่ผิวดีอยู่แล้ว ควรลงรองพื้นเฉพาะกึ่งกลาง (บริเวณสันจมูก กลางหน้าผาก และคาง) ซึ่งเป็นจุดนำสายตา แล้วเกลี่ยออกมาให้กลมกลืนกับผิวที่เหลือ จะทำให้หน้าดูมีมิติ ไม่แบน ส่วนคนที่มีปัญหาผิว ก็ลงเพิ่มเฉพาะส่วนที่ต้องการปกปิด ต้องเผยผิวบ้าง จะได้ดูเป็นธรรมชาติ ข้อดีก็คือทำให้เมคอัพติดทนนานทั้งวัน ดูผิวสวยเป็นธรรมชาติ และดูไม่แต่งหน้าหนาจนเกินไป ซึ่งการลงรองพื้นที่กึ่งกลางใบหน้า สามารถเลือกรองพื้นขาวกว่าผิวจริงได้นิดหน่อย ถ้าอยากให้หน้าดูสว่างขึ้นครับ

Fiercebook: อยากให้แนะนำบิวตี้โปรดักส์หนึ่งชิ้น ที่ผู้หญิงต้องใช้ก่อนออกจากบ้านค่ะ

Mr. Jun Nakamura: ส่วนตัวแล้วคิดว่าที่ทุกคนต้องมีเลยก็คือ “ครีมกันแดดสำหรับหน้า” เพราะบางคนไม่จำเป็นต้องลงรองพื้น ก็ไม่ต้องลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคน Shiseido เองก็มีการทำวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของการโดนแสงแดดอยู่บ่อยๆ คนที่โดนแดดก็จะมีผิวหยาบ ผิวแดง คือไม่มีข้อดีเลยถ้าไม่ใช้กันแดด อย่างวันนี้ผมก็พกครีมกันแดดมาด้วยครับ

Fiercebook: นิยามของคำว่า “ความงาม” ของคุณ Nakamura คืออะไร?

Mr. Jun Nakamura: เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เพราะเมคอัพและแฟชั่นต่างก็เป็นไปตามยุคสมัย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อหลายปีก่อนแต่งหน้าแบบนี้อาจจะดูไม่สวย แต่ตอนนี้อาจจะเป็นเทรนด์แล้วก็ได้ เหมือนเทรนด์ของเสื้อผ้า เพราะฉะนั้นเมื่อพูดถึงแวดวงความสวยความงาม ที่มีการสร้างสรรค์ลุคใหม่ๆอยู่เสมอ เมื่อมีคนนำไปใช้จนเบื่อแล้ว ก็ต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเข้ามาแทน ผมจึงไม่มีคำจำกัดความของ “ความงาม” เพราะถ้าเวลาผ่านไปอีก 5 ปี 10 ปี มันก็อาจจะไม่เหมือนเดิม

Fiercebook: ความแตกต่างของ Shiseido กับแบรนด์อื่นๆ เป็นอย่างไร?

Mr. Jun Nakamura: สิ่งแรกที่ Shiseido คำนึงถึงคือความปลอดภัย ทุกอย่างที่ใช้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อผิว และดีต่อผิวจริงๆ ด้วยการทำวิจัยซ้ำหลายๆครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผิว เวลาที่คิดค้นผลิตภัณฑ์เราจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งนักวิจัยและอาร์ทิส นักวิจัยต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผิว พอได้เนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว อาร์ทิสก็จะดูว่าควรใส่สีไหนเข้าไป Shiseido จึงมีจุดเด่นในเรื่องของแฟชั่น และผลการใช้งานในระยะยาว 

นอกจากนี้ Shiseido ยังมีการคิดค้นเทคโนโลยีในของรองพื้น ที่ทำควบคู่กันมาตลอด อย่างเช่น Synchro Skin ที่สามารถปรับบาลานซ์ให้ผิวได้ เป็นสกินแคร์ไปด้วยในตัว ถ้าผิวมันก็จะช่วยควบคุมความมัน แต่ถ้าผิวแห้งก็จะช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างน้ำมัน เป็นรองพื้นที่ปรับโครงสร้างของเซลล์ได้ ช่วยให้ผิวดูสวยเวลากระทบแสง หน้าไม่ดูแมทท์หรือมันจนเกินไปครับ 

Fiercebook: ผลงานของคุณ Nakamura ดูอินเตอร์มาก ไม่เหมือนการแต่งหน้าแบบคนญี่ปุ่นทั่วไปเลย

Mr. Jun Nakamura: จริงๆแล้วผลงานของผมที่เห็นในเว็บไซต์ จะเลือกมาเฉพาะลุคที่ดูเป็นอินเตอร์ สำหรับงานระดับโลกต่างๆ เวลาเขาดูผลงานก็จะเข้ามาดูที่เว็บไซต์ครับ เลยเลือกลุคที่ดูอินเตอร์ไว้ก่อน แต่แล้วเวลาอยู่ที่ญี่ปุ่น ผมมีงานแต่งหน้าให้กับดารานักแสดงเยอะ ก็จะแต่งแบบใสๆ จริงๆแล้วผมแต่งหน้าสไตล์ญี่ปุ่นมากๆครับ

Fiercebook: แล้วอาจารย์ชอบสไตล์ไหนมากกว่ากันคะ?

Mr. Jun Nakamura: ก็ชอบทั้ง 2 สไตล์ สไตล์ญี่ปุ่นก็คือจะน่ารักคาวาอี้ ส่วนสไตล์ตะวันตกก็ชอบ เพราะเป็นสไตล์ที่ผมรู้สึกว่ามันเท่ เป็นสไตล์ที่ใฝ่ฝัน ถ้าเป็นไอดอลญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแต่งหน้าใสๆน่ารักๆ แต่ถ้าเป็นผมก็จะแต่งแบบ Bold จุดใดจุดหนึ่ง เช่น ริมฝีปาก พอคนอื่นเห็นก็จะคิดว่าแปลก แต่ก็สวยดี จริงๆแล้วเขาก็ชอบไม่ใช่ว่าไม่ชอบ

Fiercebook: สำหรับสาวไทยมีเทคนิคลงผิวฉ่ำอย่างไร ไม่ให้หน้าเยิ้มไหมคะ?

Mr. Jun Nakamura: ถ้าผิวดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้รองพื้นมาก ลงเฉพาะจุดที่ต้องการปกปิดก็พอ จะช่วยลดอาการหน้าเยิ้มได้ ถ้าอยากให้ส่วนไหนดูโกลวก็ลงไฮไลท์ที่ผิวได้เลย เพราะเมืองไทยอากาศร้อนและความชื้นสูง พอลงรองพื้นหนาๆ ก็มีโอกาสที่เมคอัพจะละลายได้มากกว่า เพราะฉะนั้นนอกจากเลือกรองพื้นให้สีเหมาะกับตัวเองแล้ว ก็ต้องลงในปริมาณที่พอดีด้วยครับ 

ส่วนไอเท็มแนะนำ Shiseido ก็มีผลิตภัณฑ์เมคอัพเบส เราสามารถลงเมคอัพเบสอย่างเดียว แล้วก็ลงแป้งในส่วนที่มันได้ง่าย ตรงไหนอยากให้วาวก็ไม่ต้องลงแป้ง แบบนี้โอกาสที่หน้าจะเยิ้มก็ยากขึ้น และทำให้เมคอัพลุคตามที่ต้องการด้วยครับ

Fiercebook: คำถามสุดท้าย ลุคที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในขณะนี้ก็คือผิวสวยฉ่ำ แล้วในอนาคตคิดว่าลุคแบบไหนจะกำลังจะฮิตบ้างคะ?

Mr. Jun Nakamura: ในความคิดส่วนตัวของผม คิดว่าผิวชุ่มฉ่ำก็จะยังคงอยู่ แต่ผมไม่ค่อยชอบการแต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ เพราะมันเบื่อง่าย อยากให้แต่งหน้าก็ดูเหมือนว่าแต่ง ผมเลยคิดว่าต่อไปเทรนด์ผิวหน้าบางเบาก็ยังคงอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็แต่งให้ดูเป็นแต่ง ตาเป็นตา ปากเป็นปาก ให้ลุคดูมีลูกเล่นมาขึ้นครับ

งานนี้เฟียร์ซต้องขอบคุณ Mr. Jun Nakamura, International Hair & Makeup Artist และ Shiseido มากๆ ที่ให้เราได้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ค่ะ บอกเลยว่าเปิดโลกการแต่งหน้าจริงๆ เหมือนได้บรรลุเรื่องการแต่งหน้าให้ดูดีขึ้น แต่เหมือนไม่ได้แต่ง งานผิวต้องมาก่อนเลยค่ะ ลองเอาเทคนิคการลงรองพื้นแบบนี้ไปใช้กันดูนะคะ รับรองเมคอัพของสาวๆจะสวยเป็นธรรมชาติ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการบำรุงผิว จะได้เผยผิวสวยฉ่ำได้ไม่อายใครค่ะสาวเฟียร์ซ~