จากภาพเขียนระดับโลก สู่ศิลปะที่สวมใส่ได้ ผ่านมุมมองการออกแบบ ในแบบฉบับของ Off-White™

เมื่อความชอบศิลปะแบบเรอเนสซองส์และบาโรกตั้งแต่สมัยเรียนของดีไซน์เนอร์ เวอร์จิล แอบโลห์ (Virgil Abloh) กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบให้กับหลายคอลเลคชั่นของ Off-White™ จนทำให้มีไอคอนิกไอเทมที่น่าจดจำจากการหยิบนำงานศิลปะยุคก่อนมาร่วมกับการออกแบบให้ได้เห็นอยู่ตลอด

ผสมผสานกับคอนเซปต์ทฤษฎีที่เรียกว่า “3% Approach” อีกหนึ่งกลยุทธ์ด้านการออกแบบของเวอร์จิล ซึ่งเป็นการต่อยอดสิ่งที่เคยมีอยู่ให้มีคุณค่ามากขึ้น เช่น การที่เขาจะชอบนำไอเทมที่ผู้คนคุ้นเคยมาผลิตใหม่ ด้วยการเพิ่มแนวคิด ปรับเปลี่ยนหรือตกแต่งเล็กน้อย เป็นการเพิ่มแค่ 3% ในแบบฉบับของเวอร์จิล เพื่อทำให้ผลงานชิ้นนั้นๆ ยังมีมูลค่าในแบบของมัน

คาราวัจโจ (Caravaggio) ศิลปินชาวอิตาลี ที่เวอร์จิลมักจะนำผลงานทางศิลปะของเขามาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยผลงานของคาราวัจโจได้แผ่อิทธิพลต่อวงการจิตรกรรมของอิตาลีในช่วงปลายยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเริ่มต้นของศิลปะยุคบาโรก ด้วยสไตล์การเขียนภาพแบบแปลกใหม่ เร้าอารมณ์ให้ดูสมจริง บวกกับเทคนิคการใช้แสงและเงาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้คาราวัจโจเป็นจิตรกรคนสำคัญของโลกในช่วงต้นศตวรรษที่ 17

สำหรับคอลเลคชั่นใหม่ Fall/Winter 2022 ของ Off-White™ ภายใต้ชื่อ “Foreign Exchange” ก็ได้มีการใช้ผลงานของคาราวัจโจมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบอีกเช่นเคย ยกตัวอย่างเช่น ภาพเขียนสีน้ำมัน St.Francis of Assisi in Ecstasy ภาพเขียนภาพแรกที่คาราวัจโจเขียนเกี่ยวกับศาสนา เล่าถึงรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญฟรานซิส ซึ่งเป็นรอยแผลเดียวกับตำแหน่งแผลของพระเยซูเมื่อทรงถูกตรึงกางเขน, ภาพเขียนสีน้ำมัน Deposition From The Cross ที่เล่าถึงการอัญเชิญพระศพของพระเยซูลงจากไม้กางเขน ซึ่งถูกเขียนขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1603-1604 รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันที่เน้นอารมณ์ความเจ็บปวดอย่างภาพ Crowning with Thorns เป็นช่วงเวลาที่พระเยซูถูกบังคับให้ทรงมงกุฎหนามก่อนที่เขาจะถูกตรึงกางเขน โดยถูกนำมารังสรรค์ผ่านการใส่เอกลักษณ์ของ Off-White™ เช่น การเพิ่มสัญลักษณ์ Arrow, ข้อความ หรือ โลโก้ ลงไปให้เกิดเป็นลวดลายใหม่สอดคล้องกับแนวคิด “3%” ของเวอร์จิล และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือการนำสีพิเศษประจำฤดูกาลมาใช้ออกแบบควบคู่ไปกับลวดลายจากผลงานของคาราวัจโจ เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับคอลเลคชั่นนี้เป็นอย่างมาก