คอลเล็กชันนี้นำเสนอเทคนิคการตัดเย็บที่เลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบาและการเลเยอร์ชิ้นส่วนให้เต็ม ปราศจากน้ำหนักที่มากเกินไปแต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ มีการทดลองรูปทรงใหม่อย่างชุดมินิเดรสสไตล์กรีก, เสื้อสูทเบลเซอร์และเสื้อคลุมคอยูซึ่งสะท้อนส่วนโค้งเว้าของเครื่องประดับ กระเป๋าถูกออกแบบมาให้สวมใส่พอดีที่บริเวณเอว แว่นกันแดดดีไซน์มาให้กระชับพอดีกับใบหน้า และรองเท้าที่มีความโค้งมน เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับทุกชิ้นต้องการที่จะเติมเต็มชีวิตให้มีความสบาย สามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกสถานการณ์และแสดงถึงความเรียบง่ายที่แฝงด้วยพลังบวก”
SILHOUETTES: คอลเล็กชันนี้ได้นำรูปทรงที่เรียบง่ายมาปรับปรุงใหม่ด้วยการปรับแต่งรายละเอียด เสื้อสูทเบลเซอร์และเสื้อคลุมมีการเว้าหรือตัดช่วงปลายแขนเพื่อโชว์ส่วนเว้าและโค้งรวมไปถึงผิวพรรณที่งดงาม ส่งเสริมในเรื่องการเคลื่อนไหวของสรีระ ชุดเดรสและกระโปรงถูกตัดเย็บมาให้ทิ้งตัวไปกับร่างกายและมีการบิดเพื่อเน้นสรีระและสัดส่วนมากกว่าปิดบังรูปร่าง คอลเล็กชันนี้ยังมีการนำกระโปรงชั้นในที่มีโครงสร้างแข็ง (Crinolines) ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่จำกัดรูปร่างของผู้หญิงในอดีตมานำเสนอในรูปแบบใหม่ และได้มีการนำผ้านิตต์ (Knit) ที่มีความเบาและยืดหยุ่นมาใช้ในการตัดเย็บเพื่อให้เสื้อผ้าสามารถใส่ได้ทุกโอกาส
FABRICATIONS: วัสดุของคอลเล็กชันนี้ล้วนถูกเลือกมาเฉพาะวัสดุที่มีน้ำหนักเบาเพื่อมอบความสบายในการสวมใส่ วัสดุอย่างผ้า Organza, ผ้าร่มไนลอน (Nylon Taffeta), ผ้าไหมพรมที่ถักโครเชต์ (Crochet) และผ้าเจอร์ซีย์ที่ตัดเย็บด้วยวัสดุนีโอพรีน (Neoprene) ผ้าเครปที่มีความยืดหยุ่น และการเทเลอร์ผ้าเจอร์ซีย์ด้วยวัสดุที่มีความเงา โดยวัสดุเหล่านี้ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างมิติให้กับชุดแทนการตัดเย็บแบบซ้อนกันหรือการ Padding เช่นการตัดเย็บเสื้อแจ็กเก็ต Anorak และมินิเดรสคอยู ด้วยการนำความร้อนมากดทับผ้าคอตต้อน-ผ้าแพรชานตุง (Shantung) เพื่อให้เกิดรูปทรงที่เบาและแปลกใหม่
PALETTE: คอลเล็กชันนี้เน้นโทนสีโทนเดียวกัน (Monochrome) และไม่ฉูดฉาด เพื่อนำเสนอความรู้สึกสงบ ไม่ว่าจะเป็นโทนสีเขียวมรกต สีน้ำเงินเข้มดั่งน้ำหมึก สีดำ ไปจนถึงเฉดสีเทาและเบจ อีกทั้งมีการใช้สีที่ตัดกันอย่างสีขาวคาร์เนชันและสีเหลืองมะนาว เพื่อเติมประกายความสนุกสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวกในเครื่องแต่งกายอีกด้วย
EMBELLISHMENTS: เสื้อผ้าจากคอลเล็กชันนี้ถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่หลากหลาย เช่น มีการประดับผ้า Mesh ที่โปร่งแสงด้วยลวดลายคล้ายดอกไม้ขนาดเล็ก เสื้อโค้ทและชุดคลุม Caftan ที่ทำจากผ้า Organza มีกระดิ่งขนาดเล็กประดับเพื่อให้มีเสียงเบาๆ ในทุกการเคลื่อนไหว ซึ่งเสียงเหล่านั้นยังแสดงถึงเสียงกระดิ่งหรือระฆังที่ใช้ในการทำสมาธิอีกด้วย โดยจะเห็นได้ในลุคในช่วงหลังของโชว์ที่มีการนำกระดิ่งมาตกแต่งรอบโครงของชุดเดรสที่มีการปักเลื่อมด้วยมือ
HANDBAGS: กระเป๋าจากคอลเล็กชันนี้ถูกออกแบบด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายพร้อมตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ มีการนำเสนอกระเป๋ารุ่น Fleming ซึ่งเป็นกระเป๋ารุ่นไอคอนิกของแบรนด์ตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งนางแบบได้ถือบนรันเวย์ เป็นกระเป๋าทรงคลัทช์ (Clutch) ขนาดเล็ก โดยทำมาจากวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโพลีเอสเตอร์เรซิน, ผ้ากำมะหยี่ และยังมีการปั๊มหนังด้วยลาย T Monogram โชว์นี้ยังมีการนำเสนอกระเป๋า Deville Bag จากคอลเล็กชัน Fall/Winter 2023 อีกครั้งในคอลเล็กชันนี้ด้วยฮาร์ดแวร์แบบใหม่
SHOES: คอลเล็กชันนี้เน้นนำเสนอรองเท้าไร้ส้นหรือรองเท้า Flat และรองเท้าที่มีส้นเตี้ย เพื่อสะท้อนถึงความนิยมของผู้หญิงยุคปัจจุบัน มีการนำดีไซน์รองเท้ารุ่น Toe Ring มารังสรรค์ใหม่ให้มีส้นที่โค้งมน และยังมีการนำรองเท้ารุ่น Patos มาเพิ่มสายรัดส้นเท้าให้สวยงามมากขึ้น อีกทั้งยังมีการนำเสนอรองเท้ารุ่น Violet T-strap ซึ่งเป็นการนำรองเท้าทรงบัลเล่ต์ไร้ส้น (Ballet Flat) รุ่นยอดนิยมของแบรนด์มารังสรรค์ใหม่ โดยปรับด้านหน้าเท้าให้มีความเหลี่ยมมากขึ้นซึ่งคล้ายคลึงกับรองเท้าของเด็ก คอลเล็กชันนี้ต้องการแสดงความสำคัญของการใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทาน อันจะเห็นได้จากรองเท้ารุ่น Clear Pump ที่เป็นรองเท้าส้นสูงโปร่งใส ซึ่งสามารถมองเห็นรายละเอียดของทุกองค์ประกอบอย่างชัดเจน
JEWELRY & EYEWEAR: เครื่องประดับอย่างต่างหูและกำไลข้อมือสีทองและสีเงินที่ครอบด้วยลงยาสีสดใส อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของรถแข่ง ถูกออกแบบขึ้นโดยเว้นช่องว่างตรงกลางเพื่อให้เครื่องประดับนั้นแนบสนิทไปกับร่างกาย แว่นกันแดดทรงสปอร์ตดีไซน์ให้แนบชิดพอดีไปกับใบหน้า อีกทั้งยังมีต่างหูและสร้อยลายหนังวัวอีกด้วย
THE SHOW: โชว์ครั้งนี้จัดขึ้นที่ Gilder Center for Science, Education, and Innovation ใน American Museum of Natural History ณ บริเวณโซนใหม่ของพิพิธภัณฑ์ที่ถูกออกแบบโดยคุณ Jeanne Gang จาก Studio Gang สถาปนิกชื่อดัง ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักจากแนวคิดการออกแบบที่รักสิ่งแวดล้อม พร้อมดนตรีที่รังสรรค์โดย Wladimir Schall อย่าง Sadness โดย Enigma, Sinnerman โดย Nina Simone และ Tusk โดย Fleetwood Mac