Disney+ Hotstar กลายเป็นบริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่หลายคนบอกว่าต้องมี อัดแน่นไปด้วยภาพยนตร์และซีรี่ส์ในเครือดิสนีย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Disney Princess, Disney Picture, Disney Pixar รวมทั้งภาพยนตร์แก๊งแฟรนไชส์ อย่าง Marvel Universe และ Star Wars ที่โด่งดัง มีแฟนคลับชื่นชอบจากทั่วโลก วันนี้มาดูกันว่าใน Disney+ Hotstar จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง คุ้มค่ามั้ยที่จะสมัครค่าาา ไปดูกันเลย~
Disney+ Hotstar บริการวิดีโอสตรีมมิ่งจากค่ายดิสนีย์ สำหรับประเทศไทย สามารถดูพร้อมกันได้ 2 จอ ซึ่งจะแตกต่างจาก Netflix ตรงที่แพ็คเกจสุงสุดจะดูได้พร้อมกัน 4 จอ Disney+ Hotstar จัดมาให้แล้วว่าราคานี้เหมาะสมกับชาวไทยและเอเชีย (บางประเทศ) ราคาดีงามมากๆ ค่าบริการรายปี 799 บาท / ปี เฉลี่ยเดือนละ 66.6 บาทค่าาา แต่ ณ จุดๆ นี้ไม่มีให้ซื้อแยกเป็นเดือนๆ นะคะ ต้องซื้อเป็นรายปีเท่านั้น
www.hotstar.com/th/subscribe/get-started
และสำหรับลูกค้า AIS สามารถสมัครผ่าน AIS ได้ในราคาโปรโมชั่นพิเศษ
- 49 บาท / เดือน (ราคาปกติ 99 บาท / เดือน) จะได้ชมฟรี 1 เดือน ในเดือนที่ 2
- 499 บาท / ปี (ราคา ปกติ 799 บาท / ปี)
โปรโมชั่นมีถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 เท่านั้นนะคะ ราคาคือถูกกว่าเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์อีก เหมาะกับสถานการณ์ช่วงนี้สุดๆ
1. Disney Princess
ถ้าพูดถึง Disney ก็ต้องนึงถึงเจ้าหญิงดิสนีย์ หรือ Disney Princess เป็นอันดับแรก บอกเลยว่าแฟนคลับเจ้าหญิงจะต้องฟินมาก เพราะใน Disney+ Hotstar ได้รวบรวมภาพยนตร์ของเจ้าหญิงดิสนีย์ไว้ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องเก่าที่สุด ไปจนถึงเรื่องใหม่ที่สุดอย่าง Raya เจ้าหญิงดิสนีย์ที่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการตอนนี้มีทั้งหมด 15 คน จากภาพยนตร์ 14 เรื่อง ได้แก่
- ออโรร่า
- สโนไวท์
- ซินเดอร์เรลล่า
- แอเรียล
- โพคาฮอนทัส
- มู่หลาน
- จัสมิน
- ทิอาน่า
- เมอริดา
- ราพันเซล
- โมอาน่า
- เอลซ่า
- อันนา
- รายา
แฟนคลับเจ้าหญิงเข้าไปดูซ้ำๆ ย้ำๆ ดูแล้วดูอีกให้ฉ่ำกันไปเลยค่าาา
2. Disney Animation
นอกจากอนิเมชั่นที่เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงแล้ว ดิสนีย์ยังมีการ์ตูนอนิเมชั่นให้ได้รับชมกันอีกเพียบ แต่ละเรื่องบอกเลยว่าแซ่บมีรางวัลการันตี ได้แก่ เรื่อง Big Hero 6 (Oscar 2015) และ Zootopia (Oscar 2017) นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่สาวกดิสนีย์จดจำไม่รู้ลืม เช่น Wreck It Ralph ที่ได้เจ้าหญิงดิสนีย์ทุกคนมาเป็นดารารับเชิญด้วยยย เรื่อง Lilo and Stitch ที่ดูทีไรก็ร้องไห้ การ์ตูนสุดฮาอย่าง Chicken Little ก็ขำไม่ไหวแล้ว หรือจะเป็นการ์ตูนสุดโรแมนติกอย่าง Tarzan ที่เล่นเอาสาวๆ อยากไปเที่ยวป่าเพื่อตามหาเนื้อคู่เลยค่าาา
3. Disney Pixar
Pixar อีกหนึ่งสตูดิโอในเครือดิสนีย์ ที่สร้างสรรค์อนิเมชั่นระดับรางวัลการันตีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Finding Nemo, The Incredibles, Ratatouille, WALL-E Up, Toy Story 3, Inside Out, Coco และล่าสุด Soul ใครยังไม่ได้ดูต้องดูค่ะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกหลังความตายในแบบฝรั่งๆ ตายแล้วไปไหน ไปทำอะไร แล้วจะไปเกิดได้ยังไง เนื้อหาลึกซึ้งมีความหมายในเชิงปรัชญา เรียกได้ว่า Pixar เข้าชิงปีไหน ผู้เข้าแข่งขันจะต้องหนาวไปตามๆ กันค่าาา
4. Disney Live-Action
อีกหนึ่งสาขาย่อยของเจ้าหญิงดิสนีย์ ที่ทำให้สาวๆ ได้ใกล้ชิดความเป็นเจ้าหญิงมากยิ่งขึ้น เราจะได้เห็นเจ้าหญิงมีชีวิตมีเลือดเนื้อจริงๆ และมีการปรับปรุงเนื้อหาให้สมเหตุสมผลขึ้นนิดนึง อย่างเช่นเรื่อง Cinderella, Beauty And The Beast, Aladdin หรือ Mulan สองเรื่องหลังนี้คือแซ่บมาก ให้อารมณ์เพื่อนหญิงพลังหญิงเว่อร์ แม้จะเป็นเรื่องที่เรารู้เนื้อหาอยู่แล้ว แต่ดูซ้ำก็สนุก มันจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูสมจริงกว่าในการ์ตูนค่ะ
5. Disney Picture
ภาพยนตร์จากค่ายดิสนีย์ก็มาค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสำหรับเด็ก ดูได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น Tomorrowland, Tron Legacy, Narnia, Bedtime Stories หรือภาพยนตร์ผู้หญิงโรแมนติกใสๆ ที่พาเราย้อนกลับไปสมัยมัธยมอีกครั้ง เช่น The Lizzie McGuire, The Princess Diary, Freaky Friday และ Enchanred ค่ะ น่าดูทุกเรื่องเลย~
6. Marvel Studios
คอซูปเปอร์ฮีโร่เลิฟ Disney+ Hotstar มาก เพราะจะดูซ้ำกี่รอบก็ได้ เพื่อเก็บรายละเอียด ใครที่เป็นแฟนหนังมาร์เวล จะรู้ดีว่าดูรอบเดียวไม่เคยพอ เพราะเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ อย่างเช่นเรื่อง Aventures โอ้ยยย พูดไวเว่อร์ ตามฟังไม่ทันเด้อออ ตัวละครก็เยอะจนจำแทบไม่ไหว บางคนออกมาแค่ 30 วินาทีเท่านั้น แต่จะมาเป็นตัวสำคัญในหนังเรื่องต่อไปอีก หรือบางเรื่องก็ทิ้งห่างกันนานเกินไปจนจำไม่ได้ ก็ต้องกลับมาย้อนดูอีกครั้งเป็นธรรมดา ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าเรามี Disney+ Hotstar
นอกจากภาพยนตร์ในจักรวาลมาร์เวลแล้วยังมีมินิซีรี่ย์ ตัวเสริมเนื้อหาให้ผู้ชมเข้าใจที่มาที่ไปของตัวละครมากยิ่งขึ้น อย่างเรื่อง Wanda Vision เราก็จะได้รู้จุดเริ่มต้นของการเป็น Scarlet Witch หรือเรื่อง Loki ซึ่งเป็นเรื่องราวต่อจากที่เขาโดนจับไป เขาจะเป็นนักโทษแบบไหนก็ต้องไปตามดูกันเองนะคะ
7. Star Wars
เรื่องราวของสงครามอวกาศระหว่างชนเผ่า ภาคแรกเริ่มต้นในปี 1977 จ้าาา หลายคนก็ตามดูกันไม่ทัน ทำให้ Disney+ Hotstar มีประโยชน์มาก ณ จุดๆ นี้ และด้วยการถ่ายทำที่ยาวนานหลายทศวรรษ ก็ทำให้ต้องดูทบทวนกันหลายรอบ นอกจากหนังภาคต่อ Star Wars แล้ว ยังมีทีวีซีรี่ส์ที่เป็นอนิเมชั่น และมินิซีรี่ส์ภาคเสริมของหนังอีกด้วย ดูแล้วก็จะเข้าใจจักรวาล Star Wars มากยิ่งขึ้นค่ะ
8. Western Movies
นอกจากหนังของค่ายดิสนีย์แล้ว ยังมีหนังจากค่ายอื่นอีกด้วย แต่ละเรื่องก็มีความสนุกน่าดูซ้ำ เป็นหนังในความทรงจำที่ดูกี่ครั้งก็ประทับใจ เช่น Amageddon, Titanic, Peael Harbor, Pretty Woman และหนังระดับรางวัลกระรันตีอีกมากมาย เช่น Avatar, Alita, The Shape of Water ค่ะ คิดถึงเรื่องไหนก็ไปตามดูกันได้นะคะ
9. Western Series
ซีรี่ส์ค่ายอื่นก็มีเช่นกัน เน้นซีรี่ส์ดังๆ เรตติ้งแรงๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น The Walking Dead, Grey’s Anatomy, American Horror Story, Prison Break หรือซีรี่ส์เก่าๆ ที่ดูกี่ครั้งก็ยังอิน อย่าง Glee, Ugly Betty และ Lost ค่ะ ยังมีซีรี่ส์เรื่องอื่นอีกเพียบ ลองเข้าไปดูกันได้นะคะ
ใครที่ยังไม่ได้สมัครบอกเลยว่าควรค่ะ ข้อแตกต่างจากบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ ก็คือ มีภาพยนตร์ ซีรี่ส์ และการ์ตูนจากค่ายดิสนีย์ ที่ไม่มีให้ดูที่ไหน เพราะดิสนีย์ไม่ได้ขายลิขสิทธิ์ให้ใครค่าาา แต่ละเรื่องคือปังสุดๆ มีกระแสตอบรับจากทั่วโลกดีเยี่ยม จะดูซ้ำ ดูย้อนหลัง ดูภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ ดูกี่รอบก็ได้ในราคาเหมาๆ ต่อเดือน และต่อปี งานนี้สาวกดิสนีย์ฟินแน่นอน!