ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ร่วมกับ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, ธนาคารออมสิน พร้อมพันธมิตร  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเมืองไทยประกันชีวิต จัดงาน “สืบสานใจ หัตถศิลป์ไทย สู่สากล” (Emporium EmQuartier Sense of Thai) เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 พร้อมชวนทุกคนร่วมส่งเสริม สืบสาน และอนุรักษ์ผ้าไทย และงานหัตถศิลป์ไทยยกระดับสู่สากล

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

อรธิรา ภาคสุวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์

สุธาวดี ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์

ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

โดยในงานแถลงข่าวการจัดงานได้รับเกียรติจาก ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง / รองอธิบดีกรมกิจการในสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี (๑) และ  สุธาวดี ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียมและ ดิ เอ็มควอเทียร์ ร่วมพูดคุยถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พร้อมด้วย 6 ดีไซเนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ ศิริชัย ทหรานนท์ (THEATRE), พลพัฒน์ อัศวะประภา (ASAVA), ภูภวิศ กฤตพลนารา (ISSUE), ประภากาศ อังศุสิงห์ (HOOK’S BY PRAPAKAS), วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข (WISHARAWISH) และธนาวุฒิ ธนสารวิมล (T AND T) ร่วมพูดคุยถึงการจัดแสดงการออกแบบแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ ในวันพุธที่ 27 กรกฎาคมนี้ ณ ควอเทียร์ แกลอรี่ ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

ศิริชัย ทหรานนท์

วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข

สาวิตรี โรจนพฤกษ์

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์  ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง / รองอธิบดีกรมกิจการในสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี (๑) กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้  ดีใจที่วันนี้ได้เห็นผลงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้เข้ามาอยู่ในศูนย์การค้าฯ ที่ทันสมัยในใจกลางกรุงเทพฯ และได้เห็นผลงานการดีไซน์เสื้อผ้าที่นำผ้าจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งพระองค์ท่านทรงตั้งพระทัยที่จะนำภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่ชาวบ้านทำเป็นอยู่แล้ว ให้มาสร้างอาชีพให้พวกเขา นอกเหนือจากอาชีพหลักในการทำเกษตรกรรม รวมทั้งแนวพระราโชบายของสมเด็จพระชนกาธิเบศร์มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร ที่ว่าจะต้องช่วยให้พสกนิกรชาวไทยสามารถลืมตาอ้าปากได้ ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

โดยสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงทรงใช้งานที่ชาวบ้านคุ้นเคย เช่น การทอผ้า ที่ชาวบ้านทอใช้เองในครัวเรือนอยู่แล้ว และมีรับสั่งให้ราชเลขาฯในพระองค์ เดินทางออกไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านทอผ้าเป็นอาชีพเสริม เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ศิลปาชีพฯ จากผ้าทอผืนเล็กๆ ที่ชาวบ้านทอกันตามใต้ถุนบ้าน พัฒนามาเป็นผ้าผืนใหญ่ ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าได้เช่นในปัจจุบัน ซึ่งพระองค์ท่านก็ทรงปลื้มพระทัย ที่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านบ้านให้ช่วยเหลือตัวเองได้

ซึ่งพระองค์ท่านก็ทรงตั้งพระทัยให้งานศิลปะของไทยยังรงอยู่กับแผ่นดินไทยตราบนานเท่านาน และเป็นที่น่ายินดีว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณวรี ทรงมาสนพระทัยในเรื่องของผ้าไทย แล้วก็ได้ทรงไปติดตามทอดพระเนตรอยู่ในชุมชนที่ทำเรื่องผ้า ก็ทรงมีแนวพระราชดำริปรับปรุง ให้ทันสมัยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสีสัน ลวดลาย ที่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน โดยมีดีไซเนอร์ต่างๆ ช่วยกันสร้างสรรค์เสื้อผ้าจากผ้าไทยให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น และถือเป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แต่ในขณะเดียวกันการทอผ้าของชาวบ้านก็ยังความดั้งเดิมไว้ ยังคงใช้กี่ทอผ้า และทอด้วยมือเหมือนเดิม

ชาวบ้านที่ทอผ้า เมื่อได้เห็นคนในสังคมใช้ผ้าไหม ผ้าไทย ก็ทำให้พวกเขาเกิดความภูมิใจ เคยมีคนบอกว่า พระองค์ท่านไม่เพียงแต่ช่วยชาวบ้านได้หาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพเสริมในงานหัตถกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เขามีศักดิ์ มีศรีของตัวเองอีกด้วย เพราะแม้กระทั่งพระองค์ท่านก็ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไทยที่ทอโดยชาวบ้าน ซึ่งยุคแรกๆ ฉลองพระองค์สีของผ้าไม่เสมอกันทั้งองค์ บางทีสีก็ต่างกันด้วย แต่นั่นเป็นแรงบ้นดาลใจที่ทำให้ชาวบ้านเห็นว่า งานที่เขาทำนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงนะ แล้วจากนั้นก็แพร่หลายไปทั่ว ชาวบ้านเองก็มีความภูมิใจมาก ไม่คิดว่างานที่ตัวเองทำนั้นต่ำต้อย แล้วในปัจจุบันสมเด็จพระบรมราชินีสุทธิดา ก็ทรงฉลองพระองค์ผ้าจากมูลนิธิส่งเสรอมศิลปาชีพฯ ซึ่งงดงามทุกฉลองพระองค์ ก็ทำให้ผ้าไหมไทยได้เป็นที่แพร่ฟลาย ทั้งในหมู่คนไทย และต่างประเทศ  และผ้าของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มีคุณภาพดี และรักษาความเป็นไหมไทยให้มากที่สุด โดยมีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ช่วยดูแลในเรื่องของการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่มีความสำคัญมาก รวมทั้งพันธุ์ไหมที่มีผลต่อเนื้อผ้าอีกด้วย ไหมไทยมีเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนไหมของชาติใด ตรงการมีปุ่มปม ไม่เรียบไปเสียทีเดียว ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของผ้าไหม รวมทั้งสามารถดูดซับสีได้ดีกว่า ให้สีสันนุ่มนวล และมีความแวววาวสวยงาม รวมทั้งนอกจากนี้ไหมไทยยังมีคุณสมบัติเด่นตรง ไม่ยับ ใส่หน้าร้อนก็สบาย อากาศหนาวก็ใส่อุ่น และทำความสะอาดง่าย เพียงแค่ซักด้วยน้ำยาซักผ้าอ่อนๆ ก่อนรีดพรมด้วยน้ำ หรือแช่ช่องฟรีซไว้ก่อน ก็จะช่วยให้รีดได้ง่ายยิ่งขึ้น

สุธาวดี ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยมและ ดิ เอ็มควอเทียร์ กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ เพื่อน้อมรับแนวพระราชปณิธานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชปณิธานในการสนับสนุน ส่งเสริมให้ ทุกคนเห็นคุณค่าของผ้าไทย และงานหัตถศิลป์ของไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ สืบสาน รักษา และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาให้คงอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทย และก้าวไกลไปสู่ระดับสากล

งานนี้ได้รับเกียรติจาก มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ร่วมนำผลิตภัณฑ์ ผ้าไทยโบราณที่ทรงคุณค่า และงานหัตถศิลป์ต่างๆที่มีการรังสรรค์สไตล์การออกแบบที่ร่วมสมัย ทัดเทียมในระดับสากล ถือเป็นที่สุดของงานศิลปาชีพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องถือเป็นมิติใหม่ของงานหัตถศิลป์ของไทยในปัจจุบัน ทั้ง ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม, ผ้ายก, ผ้าแพรวาลายโบราณ, เครื่องจักรสาน, ย่านลิเภา, ไม้แกะสลัก รวมถึงงานเซรามิคต่างๆ นำมาให้เลือกสรรเอกซ์คลูซีพเฉพาะสำหรับงานนี้ ในบริเวณ THAI CRAFT FAIR ณ บริเวณ ควอเทียร์ แกลอรี่ ชั้น เอ็ม ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

“นอกจากนี้ เพื่อเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ผ้าไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล ในงานนี้ยังมีการจัดแฟชั่นโชว์ ชุด “SENSE OF THAI” ที่นำผ้าไทยจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาสร้างสรรค์โดยใช้แนวทางจาก “THAI TEXTILE TREND BOOK AUTUMN / WINTER 2022-2023” รังสรรค์โดย 6 ดีไซเนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ ศิริชัย ทหรานนท์  แบรนด์ THEATRE, พลพัฒน์ อัศวะประภา แบรนด์ ASAVA, ภูภวิศ กฤตพลนารา แบรนด์ ISSUE, ประภากาศ อังศุสิงห์ แบรนด์ HOOK’S BY PRAPAKAS, วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข แบรนด์ WISHARAWISH และธนาวุฒิ ธนสารวิมล แบรนด์ T AND T พร้อมผสานความสวยงามของคอลเลคชั่นผ้าไทยไปกับเครื่องประดับอัญมณีคอลเลคชั่นพิเศษที่สะท้อนความเป็นไทย จาก 6 ร้านจิลเวลรี่ชั้นนำของประเทศไทย จากโซน Salon De Jewel (ดิ เอ็มโพเรี่ยม) ได้แก่ Gems Pavilion, Gem Peace by Chuchai, Jasmin, Karat, Rajdamri Gems และ Sincere Jewelry ที่เพิ่มความตระการตาให้แฟชั่นโชว์ชุดนี้สวยสง่ายิ่งขึ้น  โดยคอลเลคชั่น  ชุด “SENSE OF THAI” จะมีการจัดแสดงใน THAI TEXTILES TREND EXHIBITION ณ บริเวณ ควอเทียร์ แกลอรี่ ชั้น เอ็ม ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมความงดงามของผ้าไทย เอกลักษณ์ประจำชาติที่มีการสืบสานมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้ ทั้ง 6 ร้านจิวเวลรี่จากโซน Salon De Jewel ยังร่วมออกแบบคอลเลคชั่นหลากหลายชิ้นพิเศษ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายผ้าไทย จัดแสดงผ่านนิทรรศการภาพถ่าย SENSE OF THAI JEWELRY EXHIBITION ตั้งแต่วันที่ 27 กค. จนถึง 14 สค. ณ บริเวณ Walk way ชั้น M อาคาร B ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 90 พรรษา ภายในงาน “สืบสานใจ หัตถศิลป์ไทย สู่สากล” ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการวิดีทัศน์เทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเผยแพร่พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของโครงการศูนย์ศิลปาชีพฯ อันสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ออกสู่สายตาของต่างชาติ ก่อเกิดรายได้ สร้างความยั่งยืนให้แก่ประชาชนชาวไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ แก่ประชาชนทั้งชาวไทย และต่างชาติ ให้เห็นถึงคุณค่าของงานหัตถศิลป์ไทย ที่มีการประยุกต์ปรับใช้ ให้มีความร่วมสมัย อันทรงค่ายิ่งไว้บนแผ่นดินไทยสืบไป”

งาน สืบสานใจ หัตถศิลป์ไทย สู่สากล ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นประธานเปิดงาน และทอดพระเนตรการแสดงแฟชั่นโชว์ “SENSE OF THAI” ในวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม  2565 เวลา 16.00 น. ณ คิว สเตเดี่ยม ชั้น เอ็ม อาคาร ซี ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

ร่วมส่งเสริม สืบสาน และอนุรักษ์ผ้าไทย และงานหัตถศิลป์ไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากลในงาน “สืบสานใจ หัตถศิลป์ไทย สู่สากล” ตั้งแต่วันนี้ - 14 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์