หลายๆ ออฟฟิศตอนนี้ก็ได้กลับมาทำงานแบบ Work Form Home (WFH) กันอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยกับทั้งตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน ถ้าจะอยากทำงานแบบ WFH ให้ราบรื่นแบบ Smooth as Silk ก็ต้องมีอุปกรณ์เสริมในการทำงานกันสักเล็กน้อย จะได้ทำงานไหลลื่นไม่มีสะดุด ควรจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่า~
1. Mechanical Keyboard
สายพิมพ์ สายปั่น บอกเลยว่าคีย์บอร์ดใหญ่ๆ พิมพ์ได้ฟินมากกก ราคาก็มีเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไล่ไปจนหลักพัน ส่วนใครที่มีคีย์บอร์ดอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้ความตื่นเต้น และพิมพ์สนุกเพิ่มขึ้น แนะนำ Mechanical Keyboard เลยค่ะ เป็นคีย์บอร์ดที่พิมพ์มันมากกก แป้นพิมพ์จะเด้งสู้มือ กดปุ๊บเด้งปั๊บโดนใจคนชอบพิมพ์ เสียงอาจจะดังนิดนึง ถ้าไม่ติดก็จัดไปเลยค่ะ
Image source : elements.envato.com
Keychron K1 Wireless Mechanical Keyboard
(ราคา 4,390 บาท, www.keychronthailand.com)
2. นาฬิกาเข็ม
บนโต๊ะทำงานควรมีนาฬิกาแบบเข็มตั้งอยู่บริเวณทางขวา ให้พอเหลือบมองเวลาได้ และนาฬิกาควรเป็นแบบที่เข็มวินาทีวิ่งเรียบ ไม่มีเสียงดังติ๊กๆๆ รบกวน นอกจากจะทำให้รู้เวลาตอนทำงานแล้ว ยังช่วยให้มีพลังงานหมุนเวียนไม่มีสะดุด มีความเชื่อว่าทำให้ไอเดียไหลลื่น ทำงานลื่นปรี๊ดเลยค่าาา
Image source : elements.envato.com
IKEA Skaerig
(ราคา 399 บาท, www.ikea.com)
3. กลิ่นอโรมา
กลิ่นก็มีผลต่ออารมณ์ในการทำงานค่ะ กลิ่นอโรมาสำหรับห้องทำงานควรเป็นกลิ่นที่เฟรช สดชื่น และทำให้แอคทีฟ ห้ามเลือกกลิ่นที่ผ่อนคลาย สบายๆ ชวนหลับเด็ดขาด ควรเป็นกลิ่นแนวดอกไม้ ส้ม มะนาว ตะไคร้ ซีตรัส กลิ่นที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าค่ะ
Image source : elements.envato.com
Muji เครื่องพ่นอโรมา
(ราคา 1,890 บาท, www.central.co.th)
4. ไฟส่องสว่าง
ห้องที่จะใช้ทำงานควรมีไฟที่สว่างเพียงพอ ห้ามเป็นไฟโทนสีอบอุ่น เช่น ไฟสีส้มละมุนๆ เหมือนห้องนอนเด็ดขาด ควรเป็นไฟ LED สีขาวสว่างไสว และมีแสงธรรมชาติลอดเข้ามาบ้าง จะทำให้แอคทีฟในการทำงาน ถ้าไฟสลัวๆ ชวนนอน งานก็ไม่เสร็จแน่ค่ะ
Image source : elements.envato.com
IKEA Forsa Work Lamp
(ราคา 590 บาท, www.ikea.com)
5. เก้าอี้ทำงาน
เก้าอี้ทำงานก็สำคัญค่ะ ถ้าต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมฯ เป็นเวลานานก็ต้องมี ช่วยเซฟก้นและกระดูกสันหลังได้ จะได้ไม่ปวดเอว ปวดหลัง ลามไปยันปวดคอ หรือถ้าที่บ้านมีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถซื้อเก้าเพิ่มได้ ก็อาจจะซื้อเป็นเบาะรองนั่ง และหมอนรองหลังมาเสริมเก้าอี้ที่มีอยู่แล้วแทนค่ะ งานก็ต้องทำ สุขภาพก็ต้องเซฟด้วยนะคะ
Image source : elements.envato.com
เก้าอี้สำนักงาน
(ราคา 5,300 บาท, www.officemate.co.th)
6. จอคอมพิวเตอร์
ถ้าต้องนั่งเพ่งจอโน๊ตบุ๊คทั้งวันเป็นเวลานาน บอกเลยว่าปวดคอมากกก ควรซื้อจอคอมฯ แบบจริงจัง เอาที่ใหญ่ๆ ดูชัดๆ แบบไม่ต้องก้มคอดูจอเลยจะดีมาก จะได้ไม่ปวดคอและหลังค่ะ เดี๋ยวนี้จอราคาก็ไม่ได้แพงมาก ประมาณ 3,000 บาทก็ซื้อได้แล้ว ถ้าต้องทำงานอยู่บ้านยาวๆ ก็ถือว่าคุ้ม ซื้อแล้วใช้ได้นานหลายปีค่ะ
Image source : elements.envato.com
Dell Monitor
(ราคา 2,790 บาท, www.jib.co.th)
7. ลำโพงบลูทูธ
อันนี้เหมาะสำหรับบางคนนะคะ บางคนก็ชอบทำงานเงียบๆ ไม่มีเสียงอะไรเลย แต่สำหรับบางคนกลับเหงาเมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไร ต้องการเสียงสร้างบรรยากาศ ให้รู้สึกมีชีวิตชีวาในการทำงานบ้าง ดังนั้นจึงควรมีลำโพงบลูทูธ เพื่อสร้างบรรยากาศให้บ้านไม่เงียบจนเกินไป แล้วก็อย่าลืมเปิดเพลงที่แอคทีฟ ให้ทำงานไหลลื่นด้วยนะคะ เปิดเพลงสบายๆ เกินไปหลับแน่ ไม่ต้องสืบ!
Image source : elements.envato.com
JBL Flip 5
(ราคา 4,390 บาท, www.powerbuy.co.th)
8. ขาตั้งโทรศัพท์
ขาตั้งโทรศัพท์ก็สำคัญเวลาประชุมผ่านทางออนไลน์ เพราะการที่เราจะหาอะไรมาตั้งโทรศัพท์ให้อยู่เป็นชั่วโมงๆ นั้นไม่ง่าย โทรศัพท์ต้องหงายหรือไม่ก็คว่ำอยู่หลายครั้งกว่าจะเจอที่วางที่ใช่ ซื้อขาตั้งไปเลยค่ะ ราคาแค่หลักร้อยเท่านั้น จะได้ไม่อารมณ์เสียเวลาประชุมค่าาา
Image source : elements.envato.com
Ulanzi MT-08 White Tripod
(ราคา 590 บาท, www.zetashoponline.com)
9. อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
หัวใจสำคัญในการทำงาน Work From Home เลยก็คืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ยิ่งแรงดุจสายฟ้าฟาดยิ่งดี อย่ามัวนั่งอารมณ์เสียกับเน็ตที่ติดๆ ดับๆ 3 วันดี 4 วันไข้ ถ้าเน็ตที่ใช้อยู่ยังแรงไม่ทันใจก็เปลี่ยนแบรนด์ไปเลยค่ะ อันนี้บอกไม่ได้จริงๆ ว่าแบรนด์ไหนดีที่สุด เพราะแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน ลองไปสืบจากเพื่อนบ้านดูนะคะ ว่าเขาใช้เจ้าไหน หรือลองเปลี่ยนเราท์เตอร์ดูก็ช่วยได้ค่ะ
Image source : elements.envato.com
TP-LINK Router
(ราคา 2,290 บาท, www.jib.co.th)
ใครที่ต้องอยู่บ้าน Work From Home กันไปยาวๆ ก็อย่ามัวทำชีวิตให้ลำบาก นั่งก้มหลังแข็ง หรือทนกับสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยกันอยู่เลยค่ะ จัดการเซ็ตมุมทำงานที่บ้านขึ้นมาซะ จะได้ทำงานสะดวกสบาย ราบรื่น แบบ Smooth as Silk ไม่ทำๆ หลับๆ เดี๋ยวพัก เดี๋ยวเปิดตู้เย็นนะคะ จากประสบการณ์ส่วนตัว คือต้องรีบตื่นมาทำงานให้เสร็จในช่วงเช้า ช่วงบ่ายจะได้ทำพวกงานชิลๆ และงานแก้ จากนั้นจะได้มีเวลาพักเยอะๆ ก่อนนอน วิธีนี้เวิร์คกว่าพักก่อนแล้วค่อยทำทีหลังแน่นอนค่าาาา สู้ๆ นะคะสาวเฟียร์ซ~