ใครว่าทำงานหน้าคอมพิวเตอร์สวยๆ จะเป็นอาชีพที่สบาย เปล่าเลยค่ะ โรคร้ายอาจรุมเร้าได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น เพราะไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ทานอาหารก็ต้องรีบให้ทันเวลา ต้องนั่งหน้าคอมฯ ทำงานท่าเดิมทั้งวัน บางวันพลังงานก็หมดก่อนถึงเวลาเลิกงานอีก ถึงแม้งานหน้าคอมฯ จะไม่ต้องเสี่ยงชีวิต แต่ก็เสี่ยงเจ็บป่วยอยู่ไม่น้อย จะมีโรคอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
1. ปวดเมื้อยบ่า-คอ-หลัง
การนั่งทำงานที่โต๊ะนานๆ ทำให้ปวดเมื้อยตามร่างกาย โดยเฉพาะ “บ่า-คอ-หลัง” เพราะต้องเกร็งไหล่ เกร็งคอ ยกแขนขึ้นมาไว้ตรงเม้าส์กับคีย์บอร์ดทั้งวัน ซึ่งแต่ละคนก็จะปวดต่างกันไปคนละจุด ขึ้นอยู่กับท่านั่งค่ะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
ต้องเข้าใจก่อนว่ายากินและยาทานั้นสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่ช่วยให้หายขาดในระยะยาว ถ้าอยากหายต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มที่นั่งให้ถูกต้องค่ะ
- เก้าอี้จะต้องหมุนและเลื่อนได้
- หัวเข่างอ 90 องศา สะโพกและขาท่อนบนขนานกับพื้น
- พนักพิงปรับเอนประมาณ 100-110 องศา
- หน้าจอต้องพอดีกับสายตา
- โต๊ะทำงานต้องสูงพอดี เวลามองจอไม่ก้มหรือเงยจนเกินไป
- เวลาพิมพ์งานไม่ควรยกไหล่ค่ะ ถ้าไหล่ยกก็ปรับเก้าอี้ให้สูงขึ้นซะ เท่านี้เองง่ายๆ
- ไปร้านนวด คอ-บ่า-ไหล่ หมอนวดจับแล้วจะรู้เลยว่าเราตึงตรงไหน และช่วยนวดแก้ได้อย่างตรงจุด แรกๆ จะเจ็บหน่อย แต่พอกล้ามเนื้อหายระบมแล้วคือดี ควรหาเวลาไปนวดอย่างน้อยเดือนละครั้งนะคะ
- บริหารกล้ามเนื้อบริเวณ คอ-บ่า-ไหล่ เป็นประจำ เปิด youtube หาเลยค่ะ มีหลายคลิปให้เลือก อย่าเลือกคลิปที่ advance เกินไป ควรเลือกคลิปสำหรับมือใหม่ค่ะ
เช็ครายละเอียดท่านั่งได้ที่ > พฤติกรรมที่ทำร้ายหลังคุณโดยไม่รู้ตัว เมื่อนั่งถูกต้องแล้วก็ไม่ควรนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานติดต่อกัน ควรลุกเดินบ้าง ยืดเส้นยืดสายบ้าง จะได้ไม่ปวดเรื้อรังค่ะ
2. ปวดก้นกบ
อันนี้ประสบการณ์ตรงเคยเป็นมาแล้ว แถมยาแก้ปวดก็ทำได้แค่บรรเทาความเจ็บเท่านั้น จะลุกก็ปวด จะนั่งก็ปวด ไม่มีความสุขเลยยย สาเหตุเกิดจากการนั่งเก้าอี้ที่แข็งเกินไปเป็นเวลานาน หรืออาจจะมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ก้นกระแทกแรงๆ และเกิดจากการตั้งครรภ์ค่ะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งคือเปลี่ยนเก้าอี้ทำงาน นั่งหลังตรงให้น้ำหนักถ่ายเทไปที่แก้มก้นพอดีทั้งสองข้าง และหาเบาะรองนั่งที่เว้าบริเวณก้นกบมารองนั่ง ส่วนตัวเฟียร์ซเองจากที่เคยเป็นมา เบาะรองนั่งช่วยได้มากจริงๆ ปัจจุบันหายเรียบร้อยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดอีกต่อไป ช่วงที่เป็นจะเลี่ยงการนั่งเก้าอี้แข็งๆ ขึ้นรถไฟฟ้านี่ไม่นั่งเลยค่ะ และพยายามไม่นั่งต่อเนื่องนานๆ จะลุกเดินทุกๆ 1 ชม. ถ้าอยู่บ้านก็เปลี่ยนมานั่งเบาะกับพื้นบ้าง นอนบ้าง เปลี่ยนเก้าอี้บ้าง เพื่อไม่ให้ซ้ำท่าเดิมนานๆ กว่าจะหายคิดดูสิคะ ใช้เวลาหลายเดือนอยู่ที่ทำตัวแปลกๆ เปลี่ยนมุมทำงานจนคนอื่นงงเลยค่ะ
*ถ้าปวดเรื้อรังเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์และนักกายภาพบำบัดนะคะ
3. เอ็นข้อมืออักเสบ
ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนที่ใช้เม้าส์และคีย์บอร์ดบ่อยๆ โดยเฉพาะกราฟฟิคดีไซเนอร์ นักวาดภาพ นักบัญชี นักออกแบบ โปรแกรมเมอร์ หรือคนที่ติดโซเชี่ยลเล่นสมาร์ทโฟนบ่อยๆ ก็เป็นค่ะ จะมีอาการปวดบริเวณมือที่ใช้งานบ่อย เวลาขยับนิ้วจะรู้สึกเส้นเอ็นมันตึงๆ และเจ็บแปลบๆ สาเหตุก็มาจากการใช้งานข้อมือหนัก ทำซ้ำๆ ท่าเดิมเป็นเวลานาน
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
วิธีที่ดีที่สุดเมื่อเริ่มเจ็บคือหยุดพักข้อมือ และทำท่าบริหารข้อมือค่ะ ส่วนใครที่เป็นหนักควรพบแพทย์โดยด่วน ก่อนที่จะสายเกินแก้ การรักษาก็มีตั้งแต่ทำท่าบริหาร พ่นยา ฉีดยา ไปจนถึงผ่าตัด อย่าปล่อยให้ถึงขั้นนั้นเลยนะคะสาวๆ
*ส่วนตัวเฟียร์ซช่วงที่เป็นจะเปลี่ยนมาใช้เม้าส์มือซ้ายแทน เพื่อพักข้อมือขวา ฝึกไว้สองมือก็ไม่เสียหายเนอะ ให้ข้อมือได้พักบ้างอะไรบ้างค่ะ
ท่าบริหารข้อมือ
- แตะปลายนิ้วหัวแม่มือกับปลายนิ้วชี้ ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นให้ขยับปลายนิ้วหัวแม่มือมาแตะที่ปลายนิ้วก้อย ค้างไว้ 5 วินาที แล้วทำซ้ำสลับไปมาจนครบ 10 ครั้ง
- งอข้อมือลงให้มากที่สุด ค้างไว้ 5 วินาที แล้วเปลี่ยนมากระดกข้อมือขึ้นให้มากที่สุด ค้างไว้อีก 5 แล้วทำซ้ำสลับไปมาจนครบ 10 ครั้ง
- หงายฝ่ามือขึ้น กำมือ แล้วค่อยๆ กระดกข้อมือขึ้น ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นให้ค่อยๆ ดัดข้อมือลงไปตำแหน่งเดิม โดยทำซ้ำจนครบ 10 ครั้ง
- คว่ำมือลง กำมือ แล้วค่อยๆ กระกดข้อมือขึ้น ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นค่อยๆ กดข้อมือลง ค้างไว้อีก 5 วินาที ทำซ้ำสลับไปมาจนครบ 10 ครั้ง
- ใช้วัตถุเป็นตัวช่วย เช่น ลูกบอลเล็กๆ โดยบีบวัตถุให้แน่นที่สุด ค้างไว้ 5 วินาที แล้วคลายออก ทำซ้ำสลับไปมาจนครบ 10 ครั้ง
ขอบคุณท่าบริหารจากโรงพยาบาลพญาไท www.mail.phyathai.com ค่ะ
4. มือชา-นิ้วล็อค
มือชา-นิ้วล็อคเป็นขั้นกว่าของการใช้มือหนักมาก มีสาเหตุมาจากเส้นประสาทข้อมือถูกกดทับ ทำให้มือชาไม่สามารถรับความรู้สึกได้ มือเหมือนไม่มีแรงหยิบจับของแล้วร่วงหล่น ส่วนมากเป็นในผู้หญิงด้วย OMG! ถ้ารู้ตัวว่ามือเริ่มชา มีอาการงอนิ้วแล้วนิ้วล็อคบ่อยๆ เอากลับคืนท่าเดิมไม่ได้ พอพยายามเหยียดแล้วเจ็บแปลบ ให้รีบพบแพทย์โดยด่วนก่อนที่จะเป็นหนัก การรักษามีตั้งแต่ใส่เครื่องผยุงข้อมือ ทานยา ฉีดยา และหนักสุดคือผ่าตัดค่ะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
ถ้ามีอาการมือชา-นิ้วล็อคแนะนำว่าควรพบแพทย์ ถ้าปล่อยไว้มือจะบวมเจ็บจนทำอะไรไม่ได้ และในระยะยาวอาจจะงอนิ้วหรือกางนิ้วได้ไม่สุดเหมือนเดิม ดังนั้นปรึกษาแพทย์ดีที่สุด อย่าพยายามรักษาเองนะคะ
5. โรคตาล้า
โรคตาจากการใช้คอมพิวเตอร์เริ่มแรกจะมีอาการตาล้า ระคายเคืองหรือแสบตา โฟกัสภาพช้ากว่าปกติ บางครั้งเห็นภาพซ้อน ถ้าเป็นหนักอาจมีอาการเวียนหัว ปวดหัว มองภาพไม่ชัดเหมือนสายตาสั้นชั่วขณะ แปลว่าเราใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป ควรมีการพักสายตาจากหน้าจอบ้าง ไม่ควรจ้องจอหนัก ถ้าไม่ระวังอาจเป็นถึงขั้นจอประสาทตาเสื่อม ต้อหิน และวุ้นในตาเสื่อมได้เลยนะคะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
พักสายตาทุกๆ 30 นาที โดยการมองไปที่ไกลๆ กว้างๆ สักพัก ก่อนกลับมามองจออีกครั้ง ปรับแสงสว่างของหน้าจอให้พอดี ไม่จ้าจนแสบตา ห้องทำงานไม่ควรมืดหรือสว่างเกินไป หน้าจอควรห่างจากสายตาประมาณ 20-30 นิ้ว และอยู่ต่ำกว่ากระดับสายตา 10-20 องศา ควรใส่แว่นกันแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ และหาน้ำตาเทียมสำหรับหยอดตามาไว้ใช้ด้วยก็ดีค่ะ
*ถ้าเริ่มเห็นวัตถุไม่ชัด สีสันภาพที่เห็นซีดไม่สดใส หรือรู้สึกเหมือนมีจุดอะไรมาบังตา ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
6. โรคเครียด-นอนไม่หลับ
ความเครียดจากการทำงานเป็นสิ่งที่พนักงานออฟฟิศทุกคนเลี่ยงไม่ได้ เริ่มแรกก็จะมีอาการปวดหัว ทานอาหารไม่ลง ไปจนคิดมากนอนไม่หลับ ใจจดจ่ออยู่กับแค่เรื่องงานกว่าจะหลับอีกทีก็เกือบเช้า นอนไม่พอก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ เครียดเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นมากในกลุ่มคนทำงานแข่งกับเดทไลน์ ทำงานด้านตัวเลข และโต้รุ่งเป็นประจำ เช่น กราฟฟิคดีไซเนอร์ นักออกแบบ โปรแกรมเมอร์ นักบัญชี และเอเจนซี่ที่ต้องประสานงา เอ้ย! ประสานงานกับผู้คนล้านแปดบนใบโลกค่ะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
สาวๆ ควรหาวิธีผ่อนคลายไม่ให้ตัวเองเครียดจนเกินไป พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ เพราะการบรรเทาความเครียดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เมื่อเครียดมากๆ ในขณะทำงานอาจจะลุกออกจากโต๊ะ เดินไปหาน้ำเย็นๆ ดื่ม หรือเข้าห้องน้ำก็เป็นวิธีคลายเครียดแบบง่ายๆ และในวันหยุดอาจจะหากิจกรรมทำให้สมองปลอดโปร่ง เลิกคิดเรื่องงานสักพักให้หัวโล่ง และพร้อมรับศึกหนักในวันจันทร์ค่ะ
*ปล.ไม่ควรแก้เครียดด้วยวิธีกินเด็ดขาด!! การทานอาหารมากผิดปกติ อาจนำมาซึ่งโรคอื่นๆ อีกมากมายค่ะ
7. กรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนเกิดจากการทานอาหารรสจัด พวกอาหารแซ่บๆ ที่สาวๆ ชอบทานตอนพักเที่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม สูบบุหรี่ อาหารมัน ของทอด รวมทั้งการทานอาหารไม่ตรงเวลา พอถึงเวลาก็ทานเข้าไปทีละเยอะๆ และไม่เคี้ยวให้ละเอียด รีบทานเพื่อรีบไปทำงาน ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่าไปนี้เป็นสาเหตุของกรดไหลย้อนทั้งสิ้น อาการจะรู้สึกแสบร้อนบริเวณกลางอก กลืนอาหารลำบาก เจ็บคอ มีรสคมหรือรสเปรี้ยวของกรดที่ลำคอ รู้สึกจุกแน่น เรอบ่อย และคลื่นไส้ค่ะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
ควรทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรงดอาหารเช้า ทานของที่มีประโยชน์ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดค่ะ ส่วนชา กาแฟ น้ำอัดลม บุหรี่ ถ้างดไม่ได้ก็ลดประมาณให้น้อยลง เพื่อสุขภาพนะคะสาวๆ
8. โรคอ้วน
พฤติกรรมตามใจปากสืบเนื่องมาจากความเครียด ยิ่งเครียดยิ่งกิน ยิ่งกินยิ่งเพลิน โดยเฉพาะสาวๆ ที่เอาอาหารมาทานหน้าคอมฯ ทำให้ทานเพลินทานได้เรื่อยๆ ไม่รู้จักอิ่ม เลิกงานก็เยียวยาจิตใจด้วยบุฟเฟ่ต์ เสาร์-อาทิตย์ก็นอนแผ่ดูซีรี่ย์ เซฟพลังงานชีวิตสุดๆ แล้วความอ้วนจะไม่มาได้ไงคะ ถามหน่อย!
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
ควรเลิกพฤติกรรมทานอาหารหน้าคอมฯ การออกไปหาอะไรทานนอกออฟฟิศ ช่วยให้สายตาได้พักผ่อน ได้เดินเผาผลาญพลังงานไปด้วยในตัว แถมยังช่วยให้สมองได้ผ่อนคลายจากงานอีกด้วย ช่วงเวลาพักเที่ยงเป็นเวลาที่มีค่า ดังนั้นใช้ให้คุ้มนะคะ นอกจากนี้ก็ควรเลือกอาหารที่มีคุณภาพ เชื่อว่าสาวๆ รู้อยู่แล้วแหละว่าอะไรมีประโยชน์ต่อร่างกาย ของหวานของมันอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็พอค่ะ จะได้ไม่อ้วน วันหยุดก็ควรออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้เบิร์นค่ะ
9. ไมเกรน-ปวดหัวเรื้อรัง
ไมเกรนเกิดมาจากความเครียดจากหลายอย่าง ทั้งเรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน พักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศร้อน สภาพแวดล้อมที่ทำงาน การนั่งหน้าคอมฯทั้งวันในพื้นที่แคบๆ ก็ทำให้เราเครียดได้เหมือนกัน อาการของไมเกรนคือจะปวดหัวข้างเดียว ปวดอย่างรุนแรงจนทำงานไม่ไหวเลยค่ะ
Photo credit : Bigstock.com
วิธีรักษาเบื้องต้น
การรักษาเบื้องต้นคือหยุดพัก ทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล แล้วนอนพักสักครู่ แต่ถ้าเป็นหนักและเป็นบ่อย ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าปวดหัวหนักมากเชื่อว่าทานพาราฯไม่ช่วยแน่นอน ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาให้ถูกวิธีค่ะ
ใครที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แล้วรู้ตัวว่านี่แหละคือสิ่งกำลังเป็นอยู่ รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองซะ ถ้าเป็นหนักหรือเรื้อรังก็รีบไปหาหมอ ก่อนจะสายเกินแก้ โรคเล็กๆ เหล่านี้อาจเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงได้ ดังนั้นสาวๆ ต้องดูแลตัวเอง ทำงานหนักได้ แต่ก็ต้องดูแลร่างกายหนักด้วย ป่วยหนักขึ้นมาเงินเดือน-เงินเก็บก็ต้องเอามารักษาตัวหมด เครียดเรื่องเงินไปอี๊กกก ตอนนี้ยังไม่เริ่มป่วยก็รีบดูแลไว้เลย กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะสาวเฟียร์ซ~